เมื่อพูดถึงเรื่องการป้องกันและชะลอความร่วงโรยแห่งวัย ในอดีตเราก็จะพูดกันเรื่องคอลลาเจน อีลาสตินที่เป็นโครงสร้างในผิวชั้นใน ต่อมาเราก็มาพูดกันถึงความชุ่มชื้นที่ลดหายไปตามวัยที่มากขึ้นแน่นอนว่าวงการเครื่องสำอางมักจะมีแง่มุมใหม่ ๆ ในการดูแลผิวมานำเสนอให้เราตื่นตาตื่นใจกันอยู่เสมอ และในปีนี้แบรนด์ใหญ่จากค่ายยักษ์ของญี่ปุ่นก็นำเสนอคอนเซปต์การ “เสริมภูมิคุ้มกันของผิว” เพื่อการต่อต้านความร่วงโรยแห่งวัยเป็นครั้งแรกของวงการเครื่องสำอาง (และของโลก) ขึ้นมา กับ Shiseido : Ultimune Power Infusing Concentrate (30ml / 2,600 THB – 50ml / 3,900 THB)

 photo ShiseidoUltimune03.png



เราน่าจะคุ้นเคยกันดีกับหน้าที่สำคัญของผิวหนังของเรา นั่นคือการเป็นปราการปกป้องร่างกายภายในจากสิ่งรบกวนภายนอก ผิวชั้นนอกสุดหรือ Stratum Corneum นั้นเป็นเหมือนฟิลม์บาง ๆ ที่เป็นกำแพงปกป้องเราเอาไว้ แต่ยังมีเซลล์อีกชนิดหนึ่งที่ทำหน้าที่เป็นเสม “ภูมิคุ้มกัน” ของผิวนั่นก็คือ Langerhans Cell

Langerhans Cell ถูกตั้งชื่อขึ้นตาม Paul Langerhans ผู้ที่ค้นพบเซลล์ชนิดนี้โดยบังเอิญ เซลลนี้มีลักษณะเป็น dendritic cells ที่มีแขนยื่นออกไปตามช่องว่างระหว่างเซลล์ผิว ในอดีตเรารู้แค่ว่าเจ้า Langerhans Cell เป็นเหมือนตัวรับส่งสัญญาณ โดยเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมแทรกผ่านเข้ามา อย่างเช่นสารก่ออาการแพ้และเชื้อโรค เจ้าแขนของเซลล์นี้จะเข้าไปจับสิ่งแปลกปลอมและเคลื่อนตัวลงไปยังผิวชั้นในเพื่อไปสั่งการให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่ายกายเข้ามาตอบสนองหรือจัดการกับสิ่งแปลกปลอม

 photo LangerhansCell.png
ทว่าในปัจจุบันเราได้ทราบว่าเจ้า Langerhans Cell ไม่ได้เป็นแค่ตัวส่งสัญญาณอย่างเดียว บริเวณรอบ ๆ Langerhans Cell จะถูกห่อหุ้มไปด้วยเอนไซม์ CD39 (endothelial ecto-nucleoside triphosphate diphosphohydrolase) ซึ่งทำหน้าที่ในการจัดการกับสัญญาณการอักเสบที่ถูกกระตุ้นขึ้นมาจากสิ่งเร้าภายนอก อย่างเช่นการอักเสบและการระคายเคืองจากรังสี UV สารเคมี แรงทางกายภาพ (แกะ เกา) ทำให้ Langerhans Cell จึงทำหน้าที่ในการเป็นกลไกในการปกป้องตัวเองของผิวอีกด้วย

ข้อมูลจากทาง Sheseido เขาบอกว่าเจ้า Langerhans Cell ก้เหมือนกับสิ่งดี ๆ ในผิวชนิดอื่น ๆ ที่มันจะลดน้อยลงตามวัยที่เพิ่มขึ้น อันเป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงมีปัญหาผิวและการติดเชื้อทางผิวหนังได้ง่ายขึ้นเมื่อแก่ตัวไป นอกจากนี้ยังมีข้อมูลจากการศึกษาในประเทศญี่ปุ่นที่พบว่า ผู้ป่วยที่มีอาหารขาดแร่ธาตุสังกะสีจนมีอาการผิวหนังอักเสบรุนแรงนั้นมีปริมาณของ Langerhans Cell น้อยลง ซึ่งชี้ให้เห็นบทบาทที่สำคัญของเซลล์ชนิดนี้ต่อการคงสภาพผิวให้เป็นปกติ

 photo UltimuneComplex.png
Shiseido : Ultimune Power Infusing Concentrate ใช้ส่วนผสมที่เรียกว่า Ultimune Complex อันประกอบไปด้วยส่วนผสม 3 ชนิด ได้แก่ Beta-Glucan กับ Balgarian Rose Water และ Aquainpool เพื่อช่วยเพิ่มปริมาณของ Langerhans Cell โดยตัวหลักที่ทำหน้าที่นี้จริงๆ ก็คือ Beta-Glucan

Sodium Carboxymethyl Beta-Glucan มีผู้ผลิตอยู่หลายเจ้า โดยเป็นสารที่สกัดมาจากยีสต์ ซึ่งผู้ผลิตส่วนใหญ่ก็เคลมถึงคุณสมบัติในการเพิ่มขึ้นของ Langerhans Cell อยู่แล้ว แต่ทาง Shiseido เคลมว่า เมื่อเพิ่มส่วนผสมของ Balgarian Rose Water และ Aquainpool จะเพิ่มประสิทธิภาพของ Sodium Carboxymethyl Beta-Glucan ในการเพิ่มปริมาณของ Langerhans Cell ได้มากขึ้น

อีก

ส่วนผสมหนึ่งที่คิดว่าน่าสนใจคือ Aquainpool ซึ่งเป็นส่วนผสมที่ทาง Shiseido พัฒนาขึ้นเองและจดสิทธิบัตรเอาไว้ (PEG/PPG-17/4 Dimethyl Ether และ PEG/PPG-14/7 Dimethyl Ether) Aquainpool เป็นของเหลวที่มีคุณสมบัติเข้ากันได้ทั้งในน้ำและน้ำมัน (แต่ไม่ใช่ Surfactant) ทำหน้าที่เป็นได้ทั้งตัวให้ความชุ่มชื้น และเป็นทำหน้าที่เป็นตัวเคลือบผิวแทนน้ำมันเพื่อช่วยลดการสูญเสียความชุ่มชื้น โดยที่ไม่ทำให้รู้สึกเหนอะหนะผิว มีความเข้ากันกับผิวได้เป็นอย่างดี และยังมีความใสอีกด้วย ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ค่อนข้างพิเศษในแง่ของการเป็น Cosmetic Raw Materials

ทาง Shiseido ได้นำส่วนผสมตัวนี้มาใช้ในผลิตภัณฑ์ในเครือมากมายตั้งแต่เครื่องสำอางบำรุงผิว เมคอัพ ไปจนถึงผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผม

 photo ShiseidoUltimune01.png


นอกจากส่วนผสมที่ว่านี้ ยังมีสารสกัดจากพืชอีก 3 ชนิด อย่าง Gingko Biloba Leaf Extract กับ Thymus Serpillum Extract และ Perilla Ocymoides Leaf Extract ที่ถูกเคลมถึงคุณสมบัติในการเป้นแอนติออกซิแดนท์ และบางตัวมีคุณสมบัติในการต้านจุลชีพ ซึ่งมีอยู่ในปริมาณไม่มาก จะมีประสิทธิภาพแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับเกรดของสารสกัดว่าจะมีความบริสุทธิ์หรือปริมาณ Actives มากเท่าไหร่ ซึ่งตรงนี้ปูเป้ก็ไม่ทราบข้อมูลจริง ๆ ครับ

(Source : CD39 is the dominant Langerhans cell-associated ecto-NTPDase: modulatory roles in inflammation and immune responsiveness., Severe dermatitis with loss of epidermal Langerhans cells in human and mouse zinc deficiency., Liquid cosmetic material, Shiseido skin protection research points to new skin care technology)

Ingredients : Water, Alcohol Denat., Glycerin, Dimethicone, Butylene Glycol, PEG/PPG-17/4 Dimethyl Ether, Triethylhexanoin, Ammonium Acryloyldimethyltaurate/ Beheneth-25 Methacrylate Crosspolymer, Phenoxyethanol, PEG-14M, Methylparaben, PEG/PPG-14/7 Dimethyl Ether, Tocopheryl Acetate, Rosa Damascena Flower Water, Acrylates/C10-30 Alky Acrylate Crosspolymer, fragrance, Disodium EDTA, Potassium Hydroxide, Silica, Isoceteth-10, Linalool, Gingko Biloba Leaf Extract, Geraniol, Citronellol, Sodium Carboxymethyl Beta-Glucan, BHT, Thymus Serpillum Extract, Perilla Ocymoides Leaf Extract, Sodium Bicarbonate.

 photo ShiseidoUltimune04.png


เนื้อผลิตภัณฑ์มีลักษณะเป็นของเหลวความหนืดต่ำ มีความข้นเล็กน้อย สีขาวขุ่นจาง ๆ และโปร่งแสง กลิ่นน้ำหอมไปทางแนวเย็น ๆ ถือว่าเป็นกลิ่นที่ค่อนข้างสดชื่น

 photo ShiseidoUltimune05.png
เมื่อเกลี่ยลงไปบนผิวจะรู้สึกเย็นและฉ่ำผิว ปริมาณของ Alcohol Denat. เป็นอันดับสองทำให้เนื้อเซรั่ทตัวนี้มีความบาง และเสริมความรู้สึกเย็นผิวเมื่อแอลกอฮอล์ระเหยไป

 photo ShiseidoUltimune06.png
เนื้อเซรั่มเมื่อเริ่มแห้งจะมีความหนืดขึ้นเล็กน้อย


เมื่อแห้งสนิทเราจะรู้สึกได้ว่ายังมีอะไรเคลือบผิวอยู่บาง ๆ แต่จะไม่รู้สึกว่าเหนอะหรือทิ้งความมันวาวเอาไว้บนผิว เราจะสัมผัสได้ชัดเจนมากขึ้นถึงการเคลือบผิวของผลิตภัณฑ์ตัวนี้เมื่อทาผลิตภัณฑ์ตัวอื่นทับตามลงไป 

สิ่งที่น่าสนใจคือเซรั่มตัวนี้โดยรวมไม่ได้ทำให้ผิวรู้สึกกร้านหรือแห้งเมื่อเทียบกับเซรั่มในแบรนด์เดียวกันอื่นที่ปูเป้เคยลอง (อย่าง White Lucent รุ่นก่อนที่มีแอลกอฮอล์เป็นลำดับต้น ๆ เหมือนกัน) ซึ่งน่าจะมาจากการที่ผลิตภัณฑ์ตัวนี้มีทั้ง Aquainpool (PEG/PPG-17/4 Dimethyl Ether และ PEG/PPG-14/7 Dimethyl Ether) กับ Dimethicone และ Triethylhexanoin ซึ่งทำหน้าที่เป็น Skin Conditioning และ Emollients

จากที่ได้ลองใช้มา 1 เดือนนิด ๆ เป็น Pre-Serum สภาพผิวโดยรวมยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมาก แต่ไม่ได้แย่ลงทั้งทำงานและอ่านหนังสือถึงตี 3 ติดต่อกันมาตลอด เรื่องริ้วรอยหรือความกระชับของผิวเรายังไม่เห็นผลอะไรมาก เพราะมันน่าจะเป็นผลในการปกป้องผิวในระยะยาวมากกว่าจะเห็นผลในระยะเวลาเท่านี้ แต่เราสังเกตได้ว่าผิวเรามีปัญหาพวกจ้ำแดงคัน ๆ อักเสบทั้งที่ปกติถ้าเรานอนไม่พอติดต่อกันผิวเราจะมีปัญหาพวกนี้ได้บ่อย

ระหว่างใช้เราพบว่าผลิตภัณฑ์ตัวนี้อาจมีปัญหาเรื่องความเข้ากันของผลิตภัณฑ์ที่ใช้คู่กันอยู่บ้าง โดยเราใช้คู่กับเซรั่ม LXP ของ SK-II กับ La Roche-Posay Effaclar Duo [+] แล้วจะมี ballup ลอกเป็นขุยได้เมื่อทาผลิตภัณฑ์ทั้งหมดจนแห้งแล้ว และลูบซ้ำๆ หรือเกาที่ผิวแบบลงน้ำหนักสักหนัก แต่ก็ถือว่าเป็นปัญหาแบบเบา ๆ ไม่ได้รุนแรงชนิดแบบว่าแค่ลงผลิตภัณฑ์อื่นทับแล้วขึ้นขุยทันที สำหรับผลิตภัณฑ์ตัวอื่น ๆ ที่ใช้ยังไม่เจอปัญหาที่ว่าล่ะ

 photo ShiseidoUltimune02.png




โดยสรุปแล้ว Shiseido : Ultimune Power Infusing Concentrate ถูกนำเสนอด้วยคอนเซปต์ที่น่าสนใจ และเน้นเป้าไปยังจุดที่ยังไม่มีเครื่องสำอางแบรนด์ใดทำมาก่อนอย่าง Langerhans Cell ซึ่งหน้าที่ในการเป็นภูมิคุ้มกันและปกป้องตัวเองของผิวนั้นเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นกับผิวทุกเพศและทุกช่วงวัย เป็นอีกก้าวหนึ่งของ Shiseido ที่พยายามปรับตัวรับกับความเปลี่ยนแปลงของตลาดด้วยการนำเสนอคอนเซต์ใหม่ รมไปถึงการสื่อสารด้วยบรรจุภัณฑ์ที่ดูล้ำสมัย และ Ads ที่ดูเป็นสากลและมีสีสันมากขึ้น ดูไม่แก่เหมือนแต่ก่อน

การทำงานของ Langerhans Cell นั้นจำเป็นกับการคงสมดุลของผิว คุณสมบัติในการเป็นระบบป้องกันตัวเองด้วยการเข้าไปช่วยยับยั้งสัญญาณของการอักเสบ (Inflammation) ที่ถูกกระตุ้นมาจากภายนอกไม่ให้เข้าไปทำร้ายผิว เมื่อการอักเสบถูกควบคุม ผิวก็ถูกทำร้ายน้อยลง คงสภาพที่สมบูณ์ได้นานขึ้น และสามารถทำหน้าที่ของมันได้อย่างเป็นปกติ ผลทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่อาจไม่เห็นอย่างชัดเจนในระยะสั้น แต่ในระยาวนั้นปุเป้คิดว่ามันคงเหมือนกับคอนเซปต์ของ “สารต้านอนุมูลอิสระ” ที่ในช่วงแรก ๆ นั้นก็ต้องทำความเข้าใจถึงประโยชน์ในระยะยาว เปรียบได้กับการหยอดกระปุกให้ผิวที่กว่าจะเห็นแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างที่คนใช้กับไม่ใช้เป็นประจำก็คงต้องใช้เวลาหลายปีถึงเป็นสิบปี

 แต่ในที่สุดก้ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางถึงประโยชน์และความจำเป็นของมัน

เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าคอนเซปต์ของ “ภูมิคุ้มกันผิว” จะได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคอย่างไร จะเป็นคลื่นลูกใหม่ที่สั่นสะเทือนวงการเครื่องสำอาง หรือแค่คลื่นน้ำในอ่างที่กระเพื่อมแล้วหายไป

ปุเป้คงจะขอลองใช้ต่อไปอีกสักระยะเพราะก็อยากจะรู้ผลในระยะยาวเหมือนกันว่าจะเป็นยังไงบ้าง 🙂

สำหรับคำถามว่า “จะแพ้มั้ย” “ใช้แล้วอุดตันรึเปล่า?” เป็นคำตอบที่ปูเป้บอกไม่ได้ครับ อาการแพ้เป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปในทุก ๆ คน สำหรับการอุดตันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวโดยรวมของแต่ละคนเอง นอกจากนี้คนเรายังไวต่อการอุดตันของสารแต่ละตัวไม่เหมือนกันด้วย ดังนั้นก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตาม ควรทดสอบและทดลองใช้ก่อนทุกครั้ง

ข้อดี

– “ภูมิคุ้มกันของผิว” เป็นคอนเซต์ที่น่าสนใจ และมีประโยชน์กับทุกเพศ วัย และทุกสภาพผิว
– เนื้อสัมผัสบางเบา ไม่หนักผิว
– ขวดปั้มใช้สะดวก

ข้อเสีย

– มีส่วนผสมของน้ำหอม (แม้ว่าจะมีหลายข้อมูลที่ชี้ว่ากลิ่นมีผลต่อการทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติและส่งผลต่อผิวทางอ้อม แต่น้ำหอมก็ยังคงเป็น Common Allergen อยู่ดี)
– มีแอลกอฮอลล์เป็นลำดับที่สอง ควรดูแลเรื่องการชดเชยความชุ่มชื้นเมื่อใช้ผลิตภัณฑ์นี้

***Sponsored Item***

– Shiseido : Ultimune Power Infusing Concentrate