เป็นที่รู้กันว่า ปูเป้เป็นคนที่มีสิวง่ายเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ประกอบกับการเป็น Blogger ที่ต้องผลิตภัรฑ์หลายอย่าง รวมถึงการทำงานที่ค่อนข้างหนัก พักผ่อนน้อย เรื่องสิวเป็นอะไรที่ไม่เคยหายขาดไปจากชีวิต มีแต่ควบคุมได้เป็นช่วง ๆ

 photo PhDAcneSet01.jpg
เหตุผลที่หลัก ๆ ที่ห่างหายจากการรีวิวผลิตภัณฑ์ในกลุ่มรักษาสิวไปซะนาน เพราะปกติเวลาเป้นสิว ก็จะกลับไปใช้อะไรเดิม ๆ ที่เคยรีวิวไปแล้วทั้งนั้นแหล่ะ แต่คราวนี้ขอลัดคิวมาลองผลิตภัณฑ์ PhD ในไลน์ Acne สำหรับผิวเป็นสิวเพราะว่ามีส่วนผสมที่น่าสนใจอย่าง Bee Venom หรือพิษผึ้ง นั่นเอง

เมื่อประมาณ 4 สัปดาห์ก่อน ทางแบรนด์ PhD (เจ้าของเดียวกับ RJK) ได้ส่ง PhD : Acne Complete Set (Foam 30ml + Toner 50ml + Cream 15ml / 910 THB) ผลิตภัณฑ์ชุดขนาดทดลองสำหรับผิวเป็นสิวมาให้ ซึ่งแบรนด์นี้ก็ยังคงผลิตจากประเทศเกาหลีเช่นเดียวกัน โดยเน้นเทคโนโลยีการ Encapsulation หรือห่อหุ้มสารบำรุงหลักเอาไว้ในแคปซูลนำพาขนาดเล็ก ซึ่งในไลน์ Acne นี้ก็มีส่วนผสมหลักก็คือ Salicylic Acid และอีกอันหนึ่งก็คือ Bee Venom หรือพิษผึ้ง

เอาจริงๆ แล้วการเอาพิษผึ้งมาใช้ในการบำบัดรักษาโรคเนี่ยมีมานานแล้วนะ และถ้าาใครที่บ้านติด TRUE Vision หรือเคเบิ้ลที่มีช่องสารคดี เราอาจจะเห็นรายการที่ฉายเรื่องราวเกี่ยวกับการเอาผึ้งมาต่อนตามจุดของร่างกายเพื่อรักษาโรคไขข้อ แขนขยับไม่ได้ หรืออะไรประมาณนี้ แต่การเอาพิษผึ้งมารักษาสิวเนี่ยสิ ไม่เคยได้ยินมาก่อน…

 photo Bees.png
จากการลองหาข้อมูลดู พบว่ามันมีการศึกษาชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ใน Journal of Medicinal Plants Research เมื่อปี 2010 โดยทีมนักวิจับจากเกาหลี ทื่บ่งชี้ว่าพิษจากผึ้งนี่แหล่ะสามารถลดแบคทีเรียสิวและการอักเสบได้

แน่นอนว่ามันคงไม่โหดร้ายอย่างเอาผึ้งไปทิ่มเหล็กในบนหน้าอย่างแน่นอน แต่เป็นการเอาพิษจากเหล็กในของผึ้งมาทำให้บริสุทธิ์และสกัดเอาเฉพาะสารสำคัญออกมาใช้งานเท่านั้น สารสำคัญที่ว่าคือ Melittin ซึ่งเป็นโพลีเปปไทด์หนึ่งที่มีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบ (เขาว่าใช้แทน Hydrocortisone ได้เลยโดยไม่มีผลข้างเคียง) แถมยังมีคุณสมบัติในต่อต้านแบคทีเรียทั้งแกรมบวกและลบ (แต่มีผลกับแกรมบวกดีกว่า)

แน่นอนว่าเชื้อแบคทีเรียที่ก่อสิวอย่าง P.Acne เป็นแบคทีเรียแกรมบวก ซึ่งกระตุ้นการสร้างสาร Cytokines ที่ทำให้เกิดการอักเสบตามมา การศึกษาของนักวิจัยชาวเกาหลีบ่งชี้ว่า เจ้าพิษผึ้งนี้ลดทั้งจำนวนแบคทีเรีย P.Acne และลดการผลิต Cytokines โดยไม่มีผลข้างเคียงหรือเป็นพิษกับเซลล์ผิว ซึ่งทางนักวิจัยกลุ่มนี้ก็ได้จดสิทธิบัตรในการใช้พิษผึ้งเพื่อรักษาสิวเรียบร้อยไปตามระเบียบ แถมยังใช้ที่ความเข้มข้นเพียง 0.001% เท่านั้นด้วย

ฟังดูดีทีเดียว แต่นี่ก็เป็นเพียงข้อมูลจำนวนไม่มาก เมื่อเทียบกับส่วนผสมหรือยารักษาสิวที่การศึกษามายาวนาน อย่างเช่น ยากลุ่ม Clidamycin สารกลุ่ม Benzoyl Peroxide เป็นต้น จากมุมนี้ปูเป้คงจะแนะนำให้ลองใช้กลุ่มยารักษาสิวพื้นฐานไปก่อน ถ้าไม่ Work ค่อยมาลองพิษผึ้งเป็นทางเลือกก็ไม่เสียหาย

(Source : Antibacterial and anti-inflammatory effects of honeybee (Apis mellifera) venom against acne-inducing bacteria, COMPOSITION CONTAINING BEE VENOM AS AN ACTIVE INGREDIENT FOR PREVENTING AND TREATING ACNE)

 photo PhDAcneFoam.jpg
PhD : Acne Deep Cleansing Foam มีส่วนผสมของสารทำความสะอาดในโฟมล้างหน้าแบบเอเชียทั่วไป เพียงแต่ใช้กรดไขมัน Stearic Acid เป็นหลัก มีส่วนผสมสารบำรุงมาหลายชนิด แต่ตัวที่ปูเป้คิดว่าดูจะมีประโยชน์หน่อยคงจะเป็นสารลดแบคทีเรียอย่าง Tricolsan และอาจจะรวมถึง Bee Venom ด้วย

โฟมก่อฟองได้ปานกลาง ถ้าใช้ตาข่ายตีฟองจะได้ฟองที่ค่อนข้างแน่นและละเอียดดี ล้างออกได้ง่าย ทำให้หน้าฝืด ๆ นิดหน่อย แต่ไม่แห้งมากอย่างที่คิด คิดว่าคนผิวมันคงจะชอบ แต่ส่วนตัวปูเป้คิดว่าการเลือกใช้สารทำความสะอาดที่อ่อนโยนมาก ๆ น่าจะดีกับผิวเป็นสิวง่ายมากกว่านี้

โดยรวมปูเป้มองว่าโฟมนี้แค่พอใช้ อาจจะโอเคสำหรับผิวหน้าค่อนไปทางมันถึงมันมาก แต่ส่วนตัวปูเป้ชอบผลิตภัรฑ์ทำความสะอาดหน้าที่ใช้สารทำความสะอาดอ่อนโยนกว่านี้

Ingredients : Water, Stearic Acid, Potassium Hydroxide, Glycerin, Propylene Glycol, Lauric Acid, Myristic Acid, Cocamide DEA, Cetearyl Olicate, Sorbitan Olivate, Polyquaternium-7, Polysorbate 20, Glyceryl Stearate, Salicylic Acid, Sodium Lauryl Glutamate, Tricolsan, Butylene Glycol, Carica Papaya (Papaya) Fruit Extract, Citrus Aurantium (Orange) Fruit Extract, Citrus Medica Limonum (Lemon) Fruit Extract, Coptis Japonicus Root Extract, Dimethyl Sulfone, Glycine Soja (Soybean) Sterols, Gypsophila Paniculata Root Extract, Hydrogenated Lecithin, Pinis Pinaster Bark Extract, Saccharum Officinarum (Sugar Cane) Extract, Salix Nigra (Willow) Extract, Sodium Polygamma-Glutamate, Vaccinum Myrtillus Fruit/Leaf Extract, Xanthan Gum, Acer Saccharum (Sugar Maple) Extract, Bee Venom, Disodium EDTA, Phenoxyethanol, Fragrance.

 photo PhDAcneToner.jpg
PhD : Acne Complete Toner โทนเนอร์ตัวนี้มีส่วนผสมของ Salycylic Acid แบบไม่ทราบความเข้มข้นที่แน่นอน แต่วัดค่า pH แล้วเป็นกรดอ่อนที่ 3.5-4.0 ซึ่งถ้ามีปริมาณของ BHA มากพอก็คือสามารถใช้ผลัดเซลล์เพื่อลดการอุดตันได้ มีส่วนผสมของ Tricolsan เพื่อลดแบคทีเรีย แล้วก็มีสารสกัดจากต้นหลิว ถั่วเหลือง มาช่วยลดการอักเสบ แน่นอนว่ามีสารสกัดจากพิษผึ้งด้วย

ส่วนผสมที่ใส่มาเยอะ ๆ ดูจะเป็นกลุ่มพวก Fruit Acid เพื่อหวังว่าจะช่วยผลัดเซลล์ได้แบบ AHA และมีเอาไซม์จากมะละกอด้วย แต่ในคิดว่าใส่มาไม่เยอะเท่าไหร่ ส่วนตัวมองว่าใส่มาเพื่อเป็นจุดขาย ให้ดูสวย ๆ แต่ตัวหวังผลจริง ๆ ก็มีพิษผึ้งกับ BHA นั่นแล

โดยรวมปูเป้ว่าโทนเนอร์ตัวนี้โอเคนะ เช็ดแล้วผิวไม่เหนอะหนะ ชุ่มชื้นบาง ๆ ถ้าโกนหนวดมาจะแสบยิบ ๆ นิดหน่อยเพราะว่ามันเป็นกรดอ่อน ๆ แต่ว่าช่วยลดปัญหาเรื่องรูขุมขนอักเสบหลังการโกนหนวดได้เหมือนกัน

Ingredients : Water, Butylene Glycol, Glycerin, PEG-60 Hydrogenated Castor Oil, Bis-PEG-18 Methyl Ether Dimethyl Silane, Panthenol, Propylene Glycol, Rubus Idaeus (Raspberry) Fruit Extract, Salycylic Acid, Tricolsan, Allantoin, Salix Nigra (Willow) Extract, Bee Venom, Sodium Polygamma-Glutamate, Hydrogenated Lecithin, Glycine Soja (Soybean) Sterols, Xanthan Gum, Vaccinum Myrtillus Fruit/Leaf Extract, Saccharum Officinarum (Sugar Cane) Extract, Acer Saccharum (Sugar Maple) Extract, Citrus Aurantium (Orange) Fruit Extract, Citrus Medica Limonum (Lemon) Fruit Extract, Coptis Japonicus Root Extract, Pinis Pinaster Bark Extract, Dimethyl Sulfone, Carica Papaya (Papaya) Fruit Extract, Gypsophila Paniculata Root Extract, Sodium Lactate, Disodium EDTA, Methylparaben, Propylparaben, Fragrance.

 photo PhDAcneCream.jpg

PhD : Acne Complete Cream เป็นผลิตภัณฑ์ที่ต้องทำความเข้าใจสักหน่อย ที่แน่ ๆ ส่วนผสมของสารบำรุงก็จะคล้ายกับที่มีในโทนเนอร์ มีส่วนผสมของ BHA ด้วย แต่ว่าค่า pH ของครีมตัวนี้อยู่ที่ประมาณ 6.5 ก็คงทำให้ผลัดเซลล์ผิวไม่ได้ หลัก ๆ แล้วครีมจะเน้นไปในเรื่องของการทำให้ผิวชุ่มชื้น ไม่แห้งลอกด้วยส่วนผสมให้ความชุ่มชื้นอย่าง Sodium Hyaluronate และน้ำมันจากผลมะกอก โฮโฮบา แต่ว่าทาแล้วก็ไม่เหนอะหนะและก็ไม่มันเยิ้มนะ ทาครีมตัวนีแล้วตามด้วยกันแดดของ Hada Labo ก็รู้สึกสบายผิวดี (ใช้แค่ 3 Step ของ PhD ตามด้วยกันแดดที่ว่า)

โดยรวมปูเป้มองว่าเป็นมอยซ์เจอไรเซอร์สำหรับผิวธรรมดา ผิวผสม ผิวมัน ที่มีปัญหาการอักเสบของผิว ผิวเป็นสิว แต่ต้องการความชุ่มชื้นมีการแห้งลอกก็ใช้ได้ แต่ก็แนะนำว่าไม่ควรทาคู่กับผลิตภัณฑ์หลาย ๆ ขั้นตอน เพราะยิ่งมทาอะไรเยอะ ยิ่งเคลือบเยอะ โอกาสอุดตันก็ยิ่งเพิ่มตามเป็นเรื่องปกติ

Ingredients : Water, Isododecane, Glycerin, Glyceryl Stearate, PEG-100 Stearate, Cetearyl Alcohol, Ceateryl Glucoside, Bis-PEG-18 Methyl Ether Dimethyl Silane, Olea Europaea (Olive) Fruit Oil, Caprylic/Capric Triglyceride, Cyclopentasiloxane, Cyclohexasiloxane, Trehalose, PEG/PPG-17/6 Copolymer, Sodium Hyaluronate, Hydroxyethyl Acrylate, Sodium Acryloyldimethyl Taurate Copolymer, Simmondsia Chinensis (Jojoba) Seed Oil, Limnanthes Alba (Meadowfoam ) Seed Oil, Triethanolamine, Salicylic Acid, Xanthan Gum, Natto Gum, Tricolsan, Dimethyl Sulfone, Butylene Glycol,Iris Florentina Root Extract, Sodium PCA, Betaine, Sorbitol, Glycine, Alanine, Proline , Serine, Threonine, Arginine, Lysine, Glutamic Acid, Biosaccharide Gum-1, Salix Nigra (Willow) Extract, Sodium Polygamma-Glutamate, Hydrogenated Lecithin, Glycine Soja (Soybean) Sterols, Vaccinum Myrtillus Fruit/Leaf Extract, Saccharum Officinarum (Sugar Cane) Extract, Acer Saccharum (Sugar Maple) Extract, Citrus Aurantium (Orange) Fruit Extract, Citrus Medica Limonum (Lemon) Fruit Extract, Coptis Japonicus Root Extract, Pinis Pinaster Bark Extract, Dimethyl Sulfone, Carica Papaya (Papaya) Fruit Extract, Gypsophila Paniculata Root Extract, Bee Venom, Disodium EDTA, Phenoxyethanol, Methylparaben, Propylparaben, Fragrance.

 photo PhDAcneSet02.jpg
โดยสรุปแล้ว ชุดขนาดทดลองนี้ใช้ได้ประมาณ 2 สัปดาห์ (ตอนถ่ายรูป ใช้ไปแล้ว 1 สัปดาห์) ดูจะตอบโจทย์สำหรับคนที่มีปัญหาสิวอักเสบและสิวอุดตันที่ไม่รุนแรงมาก ต้องการมองหาชุดดูแลปัญหาสิวที่ไม่ทำให้ผิวแห้งหรือลอก ทาแล้วไม่หนักแต่ก็ให้ความชุ่มชื้นและเคลือบผิวมากพอสำหรับผิวธรรมดา-ผิวมัน

ผลในเรื่องลดการอุดตันนั้นดูจะเป็นไปอย่างช้า ๆ สิวอักเสบและรอยแดงลดลงบ้าง และช่วยลดโอกาสที่จะเกิดอาการรูขุมขนอักเสบจากการโกนหนวดได้ด้วย ตัวที่ปูเป้คิดว่าน่าสนใจคือโทนเนอร์ ที่ใช้เป็น After Shave สำหรับผู้ชายหลังโกนหนวดได้ เพราะช่วยลดการอักเสบ ลดการสะสมของแบคทีเรีย และให้ความชุ่มชื้นบางเบา ไม่เหนอะหนะ ตัวครีมก็ถือว่าใช้ได้ตามสภาพผิวที่กล่าวมา ส่วนโฟมล้างหน้าปูเป้มองว่าค่อนข้างธรรมดา

สำหรับคำถามว่า “จะแพ้มั้ย” “ใช้แล้วอุดตันรึเปล่า?” เป็นคำตอบที่ปูเป้บอกไม่ได้ครับ อาการแพ้เป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปในทุก ๆ คน สำหรับการอุดตันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวโดยรวมของแต่ละคนเอง นอกจากนี้คนเรายังไวต่อการอุดตันของสารแต่ละตัวไม่เหมือนกันด้วย ดังนั้นก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตาม ควรทดสอบและทดลองใช้ก่อนทุกครั้ง

ข้อดี

– พิษผึ้ง หรือ Bee Venom เป็นอีกทางเลือกสำหรับการลดแบคทีเรีย P.Acne และลดการอักเสบจากสิว
– มีสารสกัดจากพืชที่ช่วยลดการอักเสบ
– Toner มีค่า pH เป็นกรดอ่อน เหมาะสำหรับการทำงานของ BHA
– ครบขั้นตอนพื้นฐานในการดูแลผิว (ยกเว้นกันแดด)

ข้อเสีย

– มีน้ำหอม
– บรรจุภัณฑ์แบบใส แม้ไม่มีผลต่อส่วนผสม Bee Venom และ BHA แต่อาจมีผลต่อวิตามินและสารสกัดที่เป็นแอนติออกซิแดนท์ (โทนเนอร์)
– มีการศึกษาไม่มากสำหรับพิษผึ้ง หรือ Bee Venom ในการรักษาสิว
– ไม่ทราบความเข้มข้นของ BHA ที่แน่นอน (และตัวครีมมีค่า pH ที่ไม่เหมาะกับการทำงานของ BHA)

***Sponsored Item***

– PhD Acne Complete Set