ปีนี้เป็นปีแห่งการเดินทาง ผ่าจากทริปก่อนไม่นานก็มีอีกทริปตอนปลายเดือนมีนาคมอีกแล้ว คราวนี้ปูเป้ได้รับเชิญจากทาง OLAY ให้ไปเยี่ยม P&G SG Innovation Center (อีกแล้ว) พร้อมกับชมข้อมูลเบื้องลึกของผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ล่าสุดอีกด้วย

 photo OLAY SG 2015 01.png
โฉมหน้าทีมจากประเทศไทยคราวนี้จ้าาาาา

 photo OLAY SG 2015 02.png
แน่นอนว่าถ้าเป็นเครือ P&G พามาที่สิงคโปร์จะต้องพักที่ St.Regis แน่นอน ล้านเปอร์เซ็นต์

 photo OLAY SG 2015 03.png
ในห้องมี Welcome note กับดอกกุหลาบพร้อมพัดสีแดงสดไว้ให้ใช้คลายร้อนเวลาออกไปเดินข้างนอก (แต่ว่าทริปนี้เราไม่สบายอยู่ล่ะ เวลาว่างก็นอนอยู่ในห้องอย่างเดียวเลย คราวนี้เลยไม่ได้ไปตะลุยกินข้างนอก)

 photo OLAY SG 2015 04.png
มื้อเย็นในวันแรก น้องเฟรนด์ PR ของ OLAY ประเทศไทย มีเซอไพรซ์วันเกิดย้อนหลังให้ด้วยล่ะ น่ารักที่สุดดดด

 photo OLAY SG 2015 05.png
วันรุ่งขึ้นหลังจากกินอาหารเช้าแล้วเราก็มาที่ P&G SG Innovation Center ซึ่งอยู่ในโซนที่ทางสิงคโปร์แบ่งพื้นที่ให้เป็นศูนย์กลางของการ R&D โดยเฉพาะ จะมีหลายบริษัทมาตั้งศูนย์พัฒนาและวิจัยกันตรงนี้นี่แหล่ะ

ทำให้เราเห็นได้ว่าสิงคโปร์ได้เปลี่ยนตัวเองจากประเทศผลิต เป็นศูนย์กลางของการวิจัย เพราะว่าสิงคโปร์เองไม่ค่อยมีพื้นที่ ไม่มีทรัพย์ยากรธรรมชาติ การผันตัวเองมาเป็นศูนย์กลางการวิจัยและพัฒนาสามารถสร้างเม็ดเงินได้มากกว่า โดยที่ใช้พื้นที่น้อยกว่า รวมถึงก่อมลภาวะน้อยกว่าด้วย เมื่อเทียบกับการเป็นผู้ผลิต

เรามองว่าหากประเทศไทยทำเรื่องโลจิสติกดี ๆ ระบบขนส่งทางรางพร้อม มีการขุดคอคอดกระ พัฒนาระบบพื้นฐานที่เอื้อการลงทุนและพัฒนา เราจะเป็นได้ทั้งศูนย์การผลิตและการวิจัยไปได้เลยทีเดียว แต่นั่นคงเป็นเรื่องที่ยากพอดูหากทุกอย่างยังคงเป็นแบบที่เห็น….

 photo OLAY SG 2015 06.png
การมาเยี่ยมชมในครั้งนี้ ทางแบรนดนอกจากจะให้เห็นผลิตภัฑ์ใหม่แล้ว เขาอยากจะแสดงให้เห็นความก้าวหน้าของศูนย์วิจัยใหม่ล่าสุดที่พึ่งเปิดเมื่อปี 2014 ที่ผ่านมาอีกด้วย

 photo OLAY SG 2015 07.png
เราเริ่มต้นด้วยการบอกเล่าว่าทำไมถึงได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ของ OLAY ขึ้นมา โดยมีนักวิจัยออกมาให้ข้อมูลเรื่องการที่ผิวผลิตพลังงานได้น้อยลงเมื่อเราอายุมากขึ้น จะส่งผลทำให้ผิวของเรามีการทำงานที่ด้อยลง ส่งผลต่อการซึมซาบของผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เราทาลงไปก็ทำได้น้อยลงเช่นกัน

รายละเอียดตรงนี้ปูเป้จะกล่าวโดยละเอียดในรีวิวของ OLAY ตัวใหม่อีกทีนะฮะ

 photo OLAY SG 2015 08.png
หลังจากนั้นเราก็ได้เข้าไปชมในส่วนของ Consumer Home ซึ่งเป็นห้องที่เอาไว้ทำการเก็บข้อมูลจากผู้บริโภคเพื่อหา Insight และข้อมูลต่าง ๆ โดยจะมีการตกแต่งบรรยากาศเหมือนบ้านที่ดูอบอุ่นด้วยเหตุผลว่า บรรยากาศที่ดูเหมือนบ้านนี้จะทำให้ผู้ที่เข้ามาให้ข้อมูลนั้นผ่อนคลาย ไม่รู้สึกตื่นเต้นเหมือนกับเข้าไปในห้องประชุมที่มีบรรยากาศตึงเครียด ซึ่งเป็นหัวใจของการทำ Focus Group อย่างมากมากในการที่จะทำให้ผู้เข้าร่วมนั้นผ่อนคลายและเปิดตัวเองในการที่จะแสดงความรู้สึกของตัวเองออกมา

ภายในห้องนี้ยังมีกระจกแบบเห็นได้ทางเดียวพร้อมกับกล้องเพื่อทำการบันทึกและสังเกตพฤติกรรมของผู้เข้าร่วมทดสอบอีกด้วย

 photo OLAY SG 2015 09.png
ห้องต่อไปคือห้องที่เราชอบมาก (คืออยากได้มาก) คือ Measurement Lab ซึ่งการทดสอบประสิทธิภาพและผลที่ได้จากผลิตภัณฑ์จะต้องนำมาทดสอบในห้องนี้ ซึ่งมีอุปกรณ์มากมาย บางชิ้นเป็นการพัฒนาขึ้นเองโดย P&G กับผู้ผลิตอุปกรณ์เหล่านี้

ภายในห้องนี้จะมีการคุมอุณหภูมิและความชื้นเอาไว้ให้คงที่ตลอด เพื่อให้ความแม่นยำและเที่ยงตรงของการวัดผลนั้นมีความคลาดเคลื่อนโดยตัวแปรงต่าง ๆ น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้

ในคราวนี้ปูเป้อาสาสมัครทดลองเครื่องที่ทำให้เราสามารถเห็นผิวชั้นชั้นที่ลึกเข้าไปข้างในได้โดยไม่ต้องเจ็บตัวเลยล่ะ

 photo OLAY SG 2015 10.png
อีกเครื่องหนึ่งที่น่าสนใจมากคือการวัดผิวแบบการแสกน 3 มิติ ที่ให้ผลละเอียดมาก และสามารถที่จะเอาผลที่ได้มาเทียบ หมุน วัดดูจากมุมไหนก็ได้

 photo OLAY SG 2015 11.png
ในระหว่างที่เรากำลังขึ้นไปในห้องต่อไปนั้น เราจะเห็นว่าที่โถงกลางของตึกนี้นั้นจะมีบันไดเป็นตัวเชื่อมระหว่างชั้น โดยระหว่างทางลงบันไดไแต่ละชั้นจะเป็นพื้นที่เอนกประสงค์ ไม่ว่าจะเป็นที่นั่งเล่น จุดนัดพบ โซนเครื่องดื่มและกาแฟ เขาบอกว่าตรงนี้ทำขึ้นมาเพื่อไม่ให้การทำงานภายในตึกนี้ต้องอยู่ในคอกเล็ก ๆ อย่างเดียวเสมอไป และมีจุดให้ผู้คนในแผนกต่างๆ สามารถมาพบปะพูดคุยกันได้

คอนเซปต์ในการสร้างตึกเห่งนี้ไม่ใช่เพียงเพื่อพัฒนาแนวคิดใหมทางด้านเทคโนโลยีของเคื่องสำอาง ผิวพรรณเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการใช้พื้นที่ในการทำงานอย่างสร้างสรรค์อีกด้วย

 photo OLAY SG 2015 12.png
ในห้องต่อไปก็คือ Formulation Lab ซึ่งเป็นสถานที่กำเนิดของสูตรผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ในส่วนนี้เราได้ทำกิจกรรมง่าย ๆ ในการลองผสมเครื่องสำอางแบบเบสิคขึ้นมาเอง ซึ่งส่วนประกอบก็ไม่มีอะไรมาก เพียงผสมน้ำ กับน้ำมัน แล้วก็อิมัลซิไฟเอร์ แล้วก็วิตามินเข้าด้วยกัน แล้วเติมโพลิเมอร์เพื่อเพิ่มความหนืดให้กล่ยเป็นเนื้อครีมแบบเบสิค

สิ่งที่น่าสนใจคือภายใน P&G SG Innovation Center มีส่วนของ Scale-up Production หรือโรงงานผลิตขนาดย่อมในตัวด้วยนะ ซึ่งการ Scale-up จะเป็นการเอาสูตรจากห้องแลปนี้มาขยายสัดส่วนเพื่อผลิตในปริมาณที่เยอะขึ้น จะได้นำเอาตัวอย่างจำนวนมากนี้ไปทดสอบกับผู้ใช้จริงในขั้นต่อไป การ Scale-up ยังจำเป็นต่อการผลิตจำหน่ายจริงอีกด้วย เพราะการผสมสูตรเครื่องสำอางจำเป็นต้องมีการคำนวนพลังงานที่จะใช้เพื่อให้เกิดเนื้อผลิตภัณฑ์แบบที่ได้ในห้องทดลองขนาดเล็ก (คือส่วนผสมเหมือนกัน แต่การใส่ input energy เข้าไปในสูตรที่ต่างกัน ทำให้เนื้อสัมผัส ความหนืด ข้น เนียน ออกมาต่างกัน)

 photo OLAY SG 2015 13.png
ห้องต่อไปก็คือ Fragrance Lab ซึ่งต้องบอกว่าคงมีบริษัทไม่กี่แห่งในโลกที่มีศูนย์พัฒนาน้ำหอมเป็นของตัวเอง

น้ำหอมเป็นส่วนสำคัญมากของผลิตภัณฑ์บำรุงผิวรวมไปถึงของใช้ในครัวเรือน น้ำหอมเป็นหนึ่งในส่วนผสมที่มีต้นทุนมากสูง แถมยังก่อความยุ่งยากในการผลิตสูตรอีกด้วย พูดง่ยๆ คือการผลิตเครื่องสำอางที่ไม่มีน้ำหอมนั้นง่ายกว่าการใส่น้ำหอมอยู่หลายขุม เพราะว่าการทำเครื่องสำอางมีกลิ่นหอมนั้นห่างไกลจากการแค่หยิบกลิ่นที่ถูกใจหยดใส่ลงไปในเนื้อครีมมากมายนัก

น้ำหอมนั้นสามารถทำปฏิกิริยาได้หลายอย่างกับตัวเครื่องสำอาง หากสูตรของน้ำหอมนั้นไม่เข้ากันกับตัวเบสเครื่องสำอาง อาจทำให้ตัวผลิตภัณฑ์มีสีเปลี่ยนไป มีกลิ่นที่แปลกไป เนื้อผลิตภัณฑ์ไม่เหมือนเดิม หากเป็นผลิตภัณฑ์กันแดดก็อาจจะส่งผลให้ค่า SPF ตกลงได้

โดยปกติแล้วผู้พัฒนาเครื่องสำอางจะต้องทำงานร่วมกับบริษัทผลิตน้ำหอม หรือ Fragrance House ในการพัฒนากลิ่นและโครงสร้างทางเคมีที่เหมาะกับผลิตภัณฑ์ของตัวเอง ซึ่งต้องใช้เวลาค่อนข้างมาก แต่การที่ P&G SG Innovation Center มี Fragrance Lab ภายในนั้นทำให้ลดขั้นตอนและระยะเวลาในการพัฒนาไปได้เยอะมากเลยทีเดียวล่ะ

 photo OLAY SG 2015 14.png
ในส่วนสุดท้ายก็คือ Packaging Lab ซึ่งเป็นส่วนของการออกแบบบรรจุภัณฑ์ และการทำต้นแบบ ซึ่งแต่เดิมจะต้องให้ศิลปินสร้างต้นแบบด้วยดินเหนียว แต่ปัจจุบันสามารถใช้เครื่องพิมพ์ 3 มิติ ในการสร้างต้นแบบที่มีความแม่นยำสูง แถมยังสามารถสร้างต้นแบบที่สามารถให้น้ำหนักได้คล้ายกับของจริงอีกด้วย

 photo OLAY SG 2015 15.png
ก่อนที่จะเสร็จกิจกรรมในวันนี้ ทุกคนก็จะได้รับการตรวจสภาพผิวด้วยเครื่อง VISIA แบบ Full Option เลยนะจ๊ะ และผลที่ได้ก็ทำให้เรายิ้มไม่หุบเลย

 photo OLAY SG 2015 15_1.png
ผลที่ได้คือสภาพผิวของปูเป้เมื่อเทียบกับคนที่มีอายุ 33 ปีเท่ากันนั้นเราดีกว่าหมดเลย โดยในส่วนของ Texture ของผิวนั้น เราได้คะแนนที่ดีมากถึง 99% ปัญหาจุดด่างดำ และริ้วรอยก็น้อยมาก คะแนนที่น้อยที่สุดของเราคือเรื่องของรูขุมขนคือ 83% ซึ่งเป็นไปได้ว่าการเดินทาง และการที่เราป่วยส่งผลให้ผิวเราเหนื่อยล้า และขาดความชุ่มชื้นไปบ้าง รูขุมขนเลยขยาย

 photo OLAY RG PreEssence 06.png
เขาก็เลยแนะนำให้เราใช้ OLAY Regenerist Miracle Boost Youth Pre-Essence เพื่อช่วยเสริมพลังให้กับผิว ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและเสริมการดูดวึมของผลิตภัณฑ์บำรุงผิวในขั้นต่อไปให้ดียิ่งขึ้น

 photo OLAY SG 2015 16.png
หลังจากเสร็จกิจกรรมทั้งหมดเราก็แวะไปทานอาหารกับทางทีม OLAY แล้วก็กลับที่พักอย่างมีความสุข

 photo OLAY SG 2015 17.png
ในวันกลับปูเป้ก็เห็นร้านหนังสือในสนามบินกับโซนหนังสือจำนวนมาก เกี่ยวกับนาย ลี กวน ยู ผู้นำที่สร้างประเทศสิงคโปร์ให้มีอย่างทุกวันนี้

การจากอ่านประวัติของเขาำให้เรารู้ว่าจริงๆ แล้วแนวคิดของ ลี ไมไ่ด้เป็นประชาธิปไตย์เท่าไหร่ แต่เขายอมรับและเคารพในระบบและทำตามกฏของสังคมที่มีไว้ อีกทั้งยังสนับสนุนในเรื่องของการศึกษาอย่างเข้มข้น เน้นการพัฒบุคลากรให้มีคุณภาพเป็นหลัก

สิงคโปร์เป็นตัวอย่างของประเทศที่เริ่มต้นจากไม่มีอะไรเลย ไม่มีทรัพยากรทางธรรมชาติ ไม่มีพื้นที่ มีแต่ผู้คนที่อาศัยอยู่เท่านั้น

สิงคโปร์เป็นตัวอย่างที่ดีในการอยู่ร่วมกันของความหลากทางเชื้อชาติ ศาสนา และความคิด

มองเขา แล้วย้อนมองดูตัวเราอย่าพินิจและไม่เข้าข้างตัวเอง ไม่หาข้ออ้างว่าประเทสเขาเล้กเขาเลยจัดการง่ายกว่าเราแล้วนั้น เราก็เกิดความคิดว่า “นี่เรากำลังทำอะไรกันอยู่…..”

สุดท้ายนี้ก็ขอขอบคุณ P&G และ OLAY ที่เชิญปุเป้ไปร่วมงานในครั้งนี้ด้วยนะครับ เป็นประสบกาณ์ที่น่าสนใจที่ได้เห็นแนวคิดใหม่ ๆ เสมอ