ตั้งแต่ช่วงกลางปีมานี้เราจะเห็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Hydration เติมความชุ่มชื้นออกมาสู่ตลาดกันอย่างคึกคักน่าดู บางคนอาจจะแปลกใจเพราะคิดว่านี่ยังไม่เข้าหน้าหนาวสักหน่อย ทำไมเราต้องมากังวลเรื่องผิวแห้งกันด้วยล่ะ?

ความชุ่มชื้นเป็นสิ่งสำคัญของผิวสุขภาพดีเพราะว่านอกจากจะทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นและอ่อนนุ่มแล้ว ความชุ่มชื้นยังสำคัญต่อการทำงานของเอนไซม์ในผิวอีกด้วย ดังนั้นผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Hydration จึงเป็นสิ่งที่นิยมมากในประเทศญี่ปุ่น เกาหลี และประเทศจีน

 photo Race.png
และจากการศึกษาเราพบว่าผิวชาวเอเชียนั้นมีปริมาณน้ำและเซราไมด์ในผิวสูงกว่าชนชาติอื่น แต่ทว่าผิวก็มีความไวต่อสิ่งรบกวนและสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่ายกว่าด้วย

 photo DrySkinFactor_Resize.jpg
มีปัจจัยมากมายที่ทำให้ผิวแห้งกร้านและเสียความชุ่มชื้น ถ้าไม่นับเรื่องปัจจัยภายในอย่างเ่นกรรมพันธ์หรือฮอร์โมน ปัจจัยจากสภาพแวดล้อมก็มีตั้งแต่สภาพภูมิอากาศที่มีความชื้นต่ำอย่างในห้องปรับอากาศ การเจอความเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิบ่อย ๆ เช่นเข้า – ออก ห้องแอร์เจอแสงแดดและความร้อน เจอควันบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ และอื่น ๆ อีกมากมาย

ช่วงกลางปีจะเป็นช่วงซัมเมอร์ของประเทศที่อยู่เหนือเราขึ้นไปและในอากาศที่ร้อนชื้นและอบอ้าวนี้ จะทามอยซ์เจอไรเวอร์เนื้อหนักข้นก็คงไม่ไหว ครั้นเนื้อบางเบาไปบางทีก็ให้ความชุ่มชื้นไม่เพียงพอ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีความสมดุลทั้งในแง่ของการมอบความชุ่มชื้นที่ดีโดยที่ยังคงเนื้อสัมผัสที่น่าพึงใจในสภาพอากาศช่วงหน้าร้อนนี้จึงเป็นโจทย์ที่บรรดาแบรด์เครื่องสำอางต้องตีให้แตก

ซึ่งจากที่เห็นที่ออกมาในช่วงนี้เราจะเห็นผลิตภัณฑ์ในรูปแบบของเจล เจลครีม และเอสเซนส์เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ Water Bank สูตรใหม่จาก Laneige

 photo LaneigeWBEX01.png



การปรับปรุงสูตรใหม่ของ Water Bank ในครั้งนี้ยังปรับลดจำนวนผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของไลน์ให้น้อยลง มีเนื้อสัมผัสที่ดีขึ้น พร้อมบรรจุภัณฑ์ที่ดูพรีเมี่ยมมากขึ้น แถมยังหยิบจับได้ถนัดมือกว่าด้วย ซึ่งในครั้งนี้ปูเป้ได้มา 2 ชิ้น ซึ่งเป็นตัวหลักของไลน์นี้ ซึ่งปูเป้ก็ต้งใจจะลองเฉพาะตัวเอสเซนส์อย่างเดียวเพราะเห็นเขาว่าเป็นเอสเซนส์อันดับหนึ่งของเอเชียเลยนะ

 photo Quinoa.jpg


เทคโนโลยีที่ทางแบรนด์นำเสนอคือ Moisturizing Biogene โดยใช้ส่วนผสมของ Hydro Ion Mineral Water ซึ่งเป็นแร่ธาตุ 6 ชนิด ได้แก่ MAGNESIUM SULFATE กับ ZINC SULFATE และ MANGANESE SULFATE โดยใช้สารสกัดจากเมล็ด Quinoa หรือ CHENOPODIUM QUINOA SEED EXTRACT ซึ่งอุดมไปด้วยแร่ธาตุในการให้อิออนของ Calcium กับ Sodium และ Potassium กับผิว

Mineral Ion มีขนาดที่เล็กมากและสามารถส่งผ่านเข้าสู่เซลล์ผิวและชั้นผิวได้อยู่แล้ว (นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมคนถึงได้มีอาการแพ้เมื่อสัมผัสกับโลหะบางชนิด อย่างนิกเกิล เพราะอิออนของนิกเกิลสามารถแทรกผ่านผิวชั้นนอกเข้าไปได้นั่นเอง) ทางแบรนด์เคลมว่าอิออนของแร่ธาตุทั้ง 6 ชนิดนี้จะแทรกลงไปในผิวเพื่อกระตุ้นการทำงานของยีน (Gene) 4 ชนิดที่มีความเกี่ยวข้องกับระบบความชุ่มชื้นของผิว ยีนทั้ง 4 ชนิดที่ว่าคือ Loricrin, Filaggrin, SASPase และ Caspase-14

 photo Filaggrin.png


ยีน 3 ตัว ได้แก่ Filaggrin กับ SASPase และ Caspase-14 ที่กล่าวมามีบทบาทสำคัญกับการสร้าง Natural Moisturizing Factor ที่อยู่ในชั้นผิวเพื่อคอยทำให้ผิวของเรามีความชุ่มชื้นและยืดหยุ่น โดยจะมีสารชนิดหนึ่งที่เรียกว่า Profilaggrin ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของ Filaggrin ที่ถูกสร้างขึ้นในเซลล์ผิวในชั้นที่ยังมีชีวิตอยู่ โดยจะมี SASPase จะไปทำหน้าที่เปลี่ยน Profilaggrin ให้เป็น Filaggrin และหลังจากนั้น Caspase-14 จะไปแตกตัว Filaggrin ให้กลายเป็นโปรตีนที่มีขนาดเล้กลง เป็นเปปไทด์ กรดอะมิโน ซึ่งก็คือ Natural Moisturizing Factor นั่นเอง

 photo NMF.png
โดยส่วนตัวยังหาข้อมูลเรื่องการกระตุ้นยีนที่ว่ามานี้ไม่ค่อยได้เท่าไหร่ แต่มีข้อมูลที่บ่งชี้ว่าแร่ธาตุต่าง ๆ นั้นมีส่วนในกระบวนการเกิด Natural Moisturizing Factor พอสมควร และผิวชั้นนอกของเรานั้นมีการส่งสัญญาณกันอยู่แล้ว ส่วนตัวมองว่าคอนเซปต์นี้มีความเป็นไปได้ นอกจากนี้แร่ธาตุเหล่านี้เองก็ยังเป็นเป็นส่วนหนึ่งใน Natural Moisturizing Factor ตามธรรมชาติอีกด้วย

 photo SpanishMoss.png


ส่วนผสมอีกอย่างหนึ่งที่ถูกยกขึ้นมาเป็นจุดเด่นคือ TILLANDSIA USNEOIDES EXTRACT หรือ Spanish Moss ซึ่งจัดเป็น Air plant ที่อาศัยอยู่ได้ด้วยการดักจับเอาความชื้นในอากาศเพื่อใช้ในการดำรงชีวิต ความสามารถนี้มาจากการที่พืชชนิดนี้อุดมไปด้วยสารที่เรียกว่า Betaine ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นตัวอุ้มความชุ่มชื้นที่ดีเมื่อทาลงบนผิว

สรุปคอนเซปต์ของ Water Bank รุ่นใหม่แบบเข้าใจง่าย ๆ คือการเติมความชุ่มชื้นจากภายนอก พร้อมกับกระตุ้นการสร้าง Natural Moisturizing Factor เพื่อให้ผิวชุ่มชื้นจากภายในไปด้วยนั่นเอง

(Source : The stratum corneum comprises three layers with distinct metal-ion barrier properties, SASPase regulates stratum corneum hydration through profilaggrin-to-filaggrin processing.
, Caspase-14 is required for filaggrin degradation to natural moisturizing factors in the skin., Moisturizing Different Racial Skin Types., Understanding the Role of Natural Moisturizing Factor in Skin Hydration, Quinoa, The Epidermal Skin Barrier
, Betaine – trimethyl glycine: a review)



 photo LaneigeWBEX03.png
Laneige : Water Bank Essence_EX (60m / 1,650 THB)

เอสเซนส์ขวดนี้ใช้ Glycerin กับ Butylene Glycol เข้ากับส่วนผสมของแร่ธาตุและสารสกัดที่ช่วยโอบอุ้มความชุ่มชื้นเอาไว้ โดยมีน้ำมันจาก Meadowfoam ที่อุมดมไปด้วยกรดไขมัน และ HYDROGENATED POLY(C6-14OLEFIN) เป็น Emollient หลักให้ผิวนุ่มลื่น และซิลิโคนในรูปแบบ DIMETHICONE เป็น Occlusive ลดการระเหยน้ำจากผิว โดยมีการใส่ซิลิโคนชนิดระเหยไวอย่าง CYCLOPENTASILOXANE กับ TRISILOXANE และ CYCLOHEXASILOXANE เพื่อช่วยปรับเนื้อสัมผัสให้ไม่เหนอะหนะ

สิ่งที่น่าสนใจคือแม้จะมีการเคลมถึงส่วนผสมของ Spanish Moss แล้วก็ยังคงมีการใส่สาร BETAINE ลงมาเพิ่มด้วย ซึ่งก็ไม่ได้ผิดอะไร แต่ก็ทำให้มองได้ว่าสารสกัดจาก Spanish Moss ถูกใส่มาเพิ่มเพื่อใช้เป็นส่วนผสมในการสร้างเรื่องราวเพื่อการสื่อสารในเชิงการตลาดมากกว่า

Ingredients : WATER, GLYCERIN, BUTYLENE GLYCOL, GLYCERETH-26, CYCLOPENTASILOXANE, HYDROGENATED POLY(C6-14OLEFIN),DIMETHICONE, LIMNANTHES ALBA (MEADOWFOAM) SEED OIL, TRISILOXANE, CYCLOHEXASILOXANE, CHENOPODIUM QUINOA SEED EXTRACT, MAGNESIUM SULFATE, ZINC SULFATE, MANGANESE SULFATE, CALCIUM CHLORIDE, ASCORBYL GLUCOSIDE, SALIX ALBA (WILLOW) BARK EXTRACT, TILLANDSIA USNEOIDES EXTRACT, CERATONIA SILIQUA (CAROB) FRUIT EXTRACT, DIMETHICONOL, BETAINE, AMMONIUM ACRLOYLDIMETHYLTAURATE/VP COPOLYMER, ETHYLHEXYLGLYCERIN, ISOPROPYL PALMITATE, CHONDRUS CRISPUS (CARRAGEEN),PHENYL TRIMETHICONE, PROPYLENE GLYCOL, PCA DIMETHCONE, HYDROGENATED LECITHIN, HYDROXYETHYL ACRYLATE/SODIUM ACRYLOYLDIMETHYL TAURATE COPOLYMER, DISODIUM EDTA, PHENOXYETHANOL, FRAGRANCE.

 photo LaneigeWBEX05.png


เนื้อสัมผัสเป็นเอสเซนส์ที่มีเนื้อกึ่งทึบ เนียน นุ่ม และมีความข้นเล็กน้อย เมื่อเกลี่ยและได้สัมผัสความร้อนจากผิวจะรู้สึกเหมือนเนื้อเอสเซนส์มีการหลอมละลายให้เอฟเฟคเหมือนหิมะกำลังลายเมื่อเจอความร้อน

สัมผัสเมื่อใช้จะรู้สึกฉ่ำบนผิว และจะค่อยๆ แห้งไปกับผิวไปอย่างช้า ๆ

เอสเซนส์ตัวนี้ใช้ได้กับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะคนที่มีปัญหาผิวขาดน้ำ คือหน้ามันแต่ขาดความชุ่มชื้นข้างใน และสำหรับผิวมันก็น่าจะใช้แทนมอยซ์เจอไรเซอร์ไปได้เลยในตอนกลางวัน

 photo LaneigeWBEX04.png


ในช่วงแรกที่ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ ปูเป้ก็ลองใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ BHA ตัวใหม่เพื่อช่วยลดเรื่องสิวอุดตัน ประกอบกับมีการเดินทางไปต่างประเทศ และพักผ่อนน้อย รู้สึกว่าใช้เอสเซนส์ตัวนี้โดยที่ไม่ได้ลงมอยซ์เจอไรเซอร์ทับแล้วมันไม่เพียงพอล่ะ แอบเฟลนิดนึง แต่พอมีการใช้ตัว Laneige : Water Bank Gel Cream_EX (50m / 1,500 THB) ตามไปด้วยแล้วรู้สึกว่ามันโอเคกว่ามาก คือให้ระดับของความชุ่มชื้นที่เราคาดหวังเอาไว้ได้ แถมยังรู้สึกเย็น ๆ สดชื่น ไม่ทำให้รู้สึกเหนอะหนะหรือหนักหน้า เมื่อใช้ต่อเนื่องไปผิวดูฟูและเด้งขึ้นอีก

Ingredients : WATER, BUTYLENE GLYCOL, CYCLOPENTASILOXANE, ALCOHOL, DIPROPYLENE GLYCOL, CYCLOHEXASILOXANE, DIMETHICONE, CHENOPODIUM QUINOA SEED EXTRACT, MAGNESIUM SULFATE, ZINC SULFATE, MANGANESE SULFATE, CALCIUM CHLORIDE, ASCORBYL GLUCOSIDE, CHAMAECYPARIS OBTUSA WATER, GLYCERYL STEARATE, DICAPRYLYL CARBONATE, CETEARYL ALCOHOL, STEARIC ACID, AMMONIUM ACRYLOYLDIMETHYLTAURATE COPOLYMER, ETHYLHEXYLGLYCERIN, TRISILOXANE, POLYGLYCERYL-3METHYLGLUCOSE DISTEARATE, POLYSILICONE-11, PEG-100 STEARATE, HYDROGENATED LECITHIN, HYDROGENATED POLYISOBUTENE, HYDROXYETHYL ACRYLATE/SODIUM ACRYLOYLDIMETHYL TAURATE COPOLYMER, DISODIUM EDTA, PHENOXYETHANOL ,FRAGRANCE.

 photo LaneigeWBEX02.png
ด้วย

โดยรวมปูเป้คิดว่า Laneige : Water Bank Essence_EX เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคอนเซปต์น่าสนใจ จากการลองใช้พบว่าจะให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจทีเดียวเมื่อใช้คู่กับ Laneige : Water Bank Gel Cream_EX ซึ่งให้สัมผัสที่ดีและสบายผิว

สิ่งที่ไม่โดนใจนักก็คือกลิ่นของน้ำหอมที่ไม่ใช่แนวที่ตัวเองชอบเท่าไหร่ รู้สึกว่ากลิ่นค่อนข้างเยอะเกินไปสำหรับเรานะ คือถ้าปรับลดลงหรือถ้าไม่มีเลยก็น่าจะดีกว่านี้

สำหรับคำถามว่า “จะแพ้มั้ย” “ใช้แล้วอุดตันรึเปล่า?” เป็นคำตอบที่ปูเป้บอกไม่ได้ครับ อาการแพ้เป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปในทุก ๆ คน สำหรับการอุดตันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวโดยรวมของแต่ละคนเอง นอกจากนี้คนเรายังไวต่อการอุดตันของสารแต่ละตัวไม่เหมือนกันด้วย ดังนั้นก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตาม ควรทดสอบและทดลองใช้ก่อนทุกครั้ง

ข้อดี

– มีคอนเซปต์ในการให้ความชุ่มชื้นที่น่าสนใจ คือเติมทั้งจากภายนอกและกระตุ้นจากภายใน
– มีเนื้อสัมผัสที่ดี เหมาะกับสภาพอากาศและผิวของคนเอเชีย
– ให้ความชุ่มชื้นในระดับที่น่าพอใจสำหรับคนที่มีผิวผสมถึงผิวมัน และดียิ่งขึ้นเมื่อใช้เอสเซนส์คู่กับเจลครีม

ข้อเสีย

– มีส่วนผสมของน้ำหอม (และส่วนตัวไม่ชอบกลิ่นเท่าไหร่)
– บรรจุภัณฑ์แบบกระปุก (แม้จะไม่ได้มีส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระมากเท่าไหร่ แต่ก็มีเรื่องของความสะอาดอยู่ดี)

***Sponsored Item***

– Laneige : Water Bank Essence_EX
– Laneige : Water Bank Gel Cream_EX