สวัสดีครับคุณผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน วันนี้ปูเป้มีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องการเสื่อมของผิวพรรณและแนวทางในการป้องกันมาฝากทุก ๆ คนกันด้วยล่ะครับ

สืบเนื่องมาจากงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของ La Roche-Posay ตัว Redermic [+] ที่โปรยสรรพคุณไว้ว่า “นวัตกรรมลดเลือน ริ้วรอยแห่งวัย เติมเต็มร่องลึก กระชับผิวหน้า ป้องกันการเกิดริ้วรอยแห่งวัยที่ต้นเหตุ” นั้น มี พญ.รศ. เพ็ญพรรณ วัฒนไกร หน่วยโรคผิวหนัง ภาควิชาอายุรศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้มาบรรยายและให้ข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวการเสื่อมของผิวว่าส่วนใหญ่มาจากกระบวนการ ออกซิเดชั่น (Oxidation) ไกลเคชั่น (Glycation) และการอักเสบภายในเซลล์ผิว (Micro-inflammatory)

การออกซิเดชั่นนั้นก่ออนุมูลอิสระที่ทำลายเซลล์อันนี้ปูเป้พูดถึงบ่อยแล้ว แต่เรื่อง “ไกลเคชั่น” (Glycation) นั้นเป็นข้อมูลที่ยังไม่เคยพูดถึงเลยจึงขอเอามาเล่าสู่กันฟังสักหน่อย

“ไกลเคชั่น” (Glycation) เป็นกระบวนการที่น้ำตาล (Glucose / Fructose) เข้าไปจับกับโมเลกุลของโปรตีนและไขมัน (Lipid) โดนปราศจากการควบคุมของเอมไซม์ จนก่อให้เกิด Advanced Glycation End products หรือ AGEs ซึ่งเมื่อมีการสะสมในร่างกายในปริมาณมากก็จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อโปรตีนและลดความสามารถในการแตกตัวหรือแบ่งตัว สรุปแบบง่าย ๆ คือเจ้า AGEs นี้เป็นตัวการเร่งให้ร่างกายเสื่อชราเร็วขึ้นและยังก่อให้เกิดโรคร้ายแรงต่าง ๆ อีกด้วย เส้นใย “คอลาเจน” ซึ่งเปรียบเสมือนโครงสร้างค้ำยันผิวก็เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งเช่นกัน จึงได้รับผลกระทบจาก AGEs ตรงนี้ด้วย ผู้ที่มี AGEs ในร่างกายเยอะเส้นใยคอลาเจนจะเป็นสีเหลืองและขาดความยืดหยุ่น ถ้าสามารถลดการเกิด AGEs ได้ก็จะช่วยทำให้ผิวเราอ่อนเยาว์ได้นานขึ้นนั้นเอง

ปูเป้สงสัยว่าจะมีเครื่องสำอางหรือยาตัวใดบ้างที่จะเอาไปเจ้า AGEs ที่เกาะเส้นใยคอลาเจนจนเหลืองนี้ให้ออกไปได้ จึงขอปรึกษาซักถามกับ พญ.รศ. เพ็ญพรรณ วัฒนไกร เป็นการส่วนและได้ความว่า ปัจจุบันยังไม่มีสารตัวใดที่จะไปเอาเจ้า AGEs ออกจากเส้นใยคอลาเจนที่เสื่อมได้ การกระตุ้นการสร้างคอลาเจนใหม่และการป้องกันเป็นวิธีที่ดีที่สุดหากเราต้องการมีผิวพรรณที่อ่อนกว่าวัย การป้องกันการเกิด AGEs ในร่างกายนั้นก็ไม่ยากเลย ก็แค่ลดการบริโภคน้ำตาลและป้งขัดสีให้น้อยลง กระบวนการไกลเคชั่นก็จะน้อยตามไปด้วยนั่นเอง

ผมมาสังเกตดูว่าคนญี่ปุ่นมีผิวพรรณที่ดีและดูอ่อนเยาว์นั้นอาจเป็นเพราะว่าคนในประเทศของเขานั้นทานอาหารรสไม่ค่อยหวานกันสักเท่าไหร่ ยกตัวอย่างน้ำชาเขียวที่ญี่ปุ่นก็จืดสนิท ต่างกับชาเขียวหวานเจี๊ยบจับใจที่วางขายกันในบ้านเรามากมาย แต่คุณหมอก็ยังเสริมด้วยว่า ไม่ใช่แค่แป้ง น้ำตาลเท่านั้นที่ก่อให้เกิด AGEs การบริโภคโปรตีนหรือไขมันที่มากเกินไปก็เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาได้เช่นกัน ดังนั้นเราจึงควรทานอาหารอย่างสมดุลโดยเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ อย่างพวกแป้งก็ควรเลือกเป็นแป้งไม่ขัดสีอย่างข้าวกล้อง ซึ่งมีเส้นใยสูง จะไปช่วยลดการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้อิ่มได้นาน ช่วยระบบขับถ่าย โปรตีนก็หลีกเลี่ยงเนื้อแดง ให้เลือกเป็นเนื้อไก่หรือเนื้อปลาที่ย่อยง่ายและมีประโยชน์แทน ไขมันก็หลีกเลี่ยงไขมันสัตว์ที่เป็นไขมันอิ่มตัว ลองใช้น้ำมันคาโนล่าที่ดีต่อสุขภาพในการผัดหรือปรุงอาหารแทน

สำหรับเรื่อง ‘Micro-inflammatory’ หรือ การอักเสบภายในเซลล์ผิวซึ่งเร่งการเสื่อมของคาลาเจนกับอีลาสตินนั้น ส่วนใหญ่เป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการออกซิเดชั่นและไกลเคชั่นเป็นหลัก หากเราสามารถป้องกันปัญหาที่ต้นเหตุ และใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมในการลัดการอักเสบของผิวร่วมด้วยก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ที่ต้องวิตกมากนัก

มาอัพเดทผลิตภัณฑ์ใหม่กันหน่อย…

La Roche-Posay : Redermic [+] Intensive Daily Anti-Wrinkle Firming Fill-In Care – Dry Skin (ราคา 1,950 บาท ปริมาณ 40 ml.) มีส่วนประกอบเด่น ๆ ก็คือวิตามินซีในรูปของ Ascorbic Acid เข้มข้น 5% ซึ่งช่วยต้านอนุมูลอิสระ กระตุ้นการสร้างคอลาเจน และลดการอักเสบของผิวได้อย่างไม่มีข้อกังขา Madecassoside ที่ทางแบรนด์บอกว่าสกัดมาจนบริสุทธิ์ถึง 95 % นั้นก็เป็นสารประกอบที่มีอยู่ในใบบัวบก จึงช่วยลดการอักเสบของผิวได้ ส่วน Acetyl Dipeptide-1 Cetyl Ester ที่ผมคาดว่ามันคือเจ้า “Neosensine” ที่ทางแบรนด์เอามาชูเป็นจุดขายใหม่ แต่ก็ยังไม่มีข้อมูลเท่าไหร่ว่าจะช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง

เนื้อเบสครีมเนียนนุ่มและให้ความชุ่มชื้นดี มีประสิทธิภาพในการเคลือบผิวเพื่อเก็บกักความชุ่มชื้นน่าประทับใจ สามารถใช้เป็นทั้ง Serum บำรุงผิวและมอยซ์เจอไรเซอร์ในตัวเดียวกันได้เลย เหมาะสำหรับผิวธรรมดาถึงผิวแห้ง (ทาง La Roche-Posay มีสูตรสำหรับผิวผสมด้วยนะ แต่เขาไม่ได้ให้มาลอง) มีส่วนผสมของน้ำหอมที่เขาบอกว่าเป็น Hypoallergenic แต่ก็อย่าไปเชื่ออะไรมาก เพราะมันเป็นแค่ข้อความโฆษณาเท่านั้นแหล่ะ ที่น่าประทับใจก็คือบรรจุภัณฑ์แบบหลอดอลูมิเนียนไม่คืนรูปซึ่งเก็บกักคุณค่าของวิตามินซีได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แถมยังดูขลังเหมือนกับหลอดยาอีกด้วย

Ingredients :
Water, Glycerin, Dimethicone, Butyrospermum Parkii (Shea) Butter, Limnanthes Alba (Meadowfoam) Seed Oil, Ascorbic Acid, Polymethylsilsesquioxane, Butylene Glycol, Paraffinum Liquidum, Ammonium Polyacryldimethyltauramide/Ammonium Polyacryloyldimethyl Taurate, Cetyl Alcohol, PEG-100 Stearate, Glyceryl Stearate, Potassium Hydroxide, Paraffin, Sodium Styrene/MA Copolymer, Cera Microcristallina/Microcrystalline Wax, Madecassoside, Dimethicone/Vinyl Dimethicone Crosspolymer, Dimethiconol, Sodium Hyaluronate, Disodium EDTA, Acetyl Dipeptide-1 Cetyl Ester, Xanthan Gum, Pentaerythrityl Tetra-DI-T-Butyl Hydroxyhydrocinnamate, Phenoxyethanol, Caprylyl Glycol, Parfum/Fragrance.

ต้องขอบคุณส่วนผสมวิตามินซี 5% ที่ทำให้ผลิตภัณฑ์นี้มีประสิทธิภาพจริงในการชะลอการเกิดริ้วรอยที่จะเกิดขึ้นและช่วยฟื้นฟูผิวที่ถูกทำร้ายจากสภาพแวดล้อมให้มีสภาพที่ดีขึ้น (ถ้าไม่มีวิตามินซีก็คงไม่ค่อยเหลืออะไรให้ชื่นชมเท่าไหร่) แต่ก็อย่าลืมการป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นด้วยการทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน ปรับพฤติกรรมการทานอาหารขยะเป็นทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพแทน คงไม่ต้องถึงกับหักดิบงดทานของหวานที่แสนโปรดปรานไป ก็ลดจากทานบ่อย ๆ เป็นทาน 1 – 2 ชิ้นต่อสัปดาห์ก็น่าจะพอทำให้มีความสุขควบคู่กับมีผิวสุขภาพดีและร่างกายที่แข็งแรง

ปูเป้ต้องขอขอบคุณทาง La Roche-Posay ที่เอื้อเฟื้อผลิตภัณฑืและเชิญไปร่วมฟังข้อมูลดี ๆ และขอขอบคุณ พญ.รศ. เพ็ญพรรณ วัฒนไกร ที่สละเวลามาให้ข้อมูลกับปูเป้เป็นการส่วนตัวด้วยนะครับ