เริ่มต้นเช้าของวันที่สองด้วยสภาพทรุดโทรมเนื่องจากต้องตื่นตั้งแต่ตี 5ครึ่ง ทั้งที่นอนหลับ ๆ ตื่น ๆ จากเสียงกรน (ของพี่ชาย) ทั้งคืน แต่วันนี้เป็นวันที่เราใฝ่ฝันเฝ้ารอคอยมานานแสนนาน นั่นก็คือการได้ไปสวนสนุก Fuji-Q นั่นเอง

รวมพลกันที่หน้าโรงแรม (Chisun Hotel เป็นโรงแรมแบบ Business Hotel ที่สะดวกสบายและสะอาดดีทีเดียว ค่าที่พักพอรับได้ครับ แชร์กันห้องละสองคน 7 วัน 6 คืนตกคนละ 10,000 บาท)

สถานีรถไฟใต้ดินตอน 6.30 น ไม่มีคนเลย…
มาถึง ‘ชินจูกุ’ ตอนประมาณ 7.10 น. ตึกที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของห้าง Odakyu สวยดีนะ

ผมเป็ด ๆ (เพราะไดร์เป่าผมง่อย ๆ ของโรงแรม) กับหน้าโทรม ๆ (เพราะนอนไม่พอ) แต่ก็ยังยิ้มได้ฮะ
ซื้อตั่วรถไป Fuki-Q… ภาษาอังกฤษอยู่ไหนครับ…
ไม่เคยไปประเทศไหนแล้วรู้สึกว่าตัวเองง่อยขนาดนั้มาก่อน อ่านอะไรไม่ออกเลย ภาษาอังกฤษก็ไม่มี (ต่อให้มีก็อ่านไม่เข้าใจอยู่ดีว่าต้องการสื่อสารอะไร… คนที่เคยไปแล้วน่าจะเข้าใจ…)

ค่ารถบัส ไป – กลับ และค่าเข้าสวนสนุกราคา 7,100 เยนจ้า
รถบัสออกจากสถานีตอน 7.40 กินข้าวปั้นหน้าปลาแห้ง (105 เยน) กับข้าวปั้นไส้ปลาแซลมอน (125 เยน) เป็นอาหารเช้า น้ำ CC Lemon ของ Santory อร่อยมั่ก เปรี้ยวซ่าสะใจ ในหนึ่งขวดมีวิตามินซีเท่ากับเลมอน 70 ลูกเชียวนะ!!! (147 เยน)

ระหว่างทางก็ชมวิวนอกหน้าต่างไปเรื่อย… พอออกนอกเมืองแล้วก็พบว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เขียวชอุ่มใช้ได้ทีเดียว ดูน่าอยู่อ่ะ…

สองชั่วโมงผ่านไปก็มาถึง Fuji-Q แล้วจ้า กรี๊ซซซซซซซซซซ ฝันที่เป็นจริง แค่เห็นก็ก็หัวใจเต้นระส่ำแล้ว

ตั๋วที่ซื้อเป็นแบบ Free Pass ที่เล่นได้ไม่จำกัด (ยกเว้น Gundam Crisis ที่ต้องต่ายเงินเพิ่ม) มีคำเตือนเล็กน้อยสำหรับการใช้เครื่องนี้นะฮะ…

ไม่รู้ว่ากล้องอยู่ต่ำมาก (ตามความสูงมาตรฐานของคนที่นี่คือ 160 เซนติเมตร… รึเปล่า?) พึ่งมีคนมาบอกตอนสอดตั๋วเข้าไปแล้ว มันกดชัตเตอร์แช๊ะตอนกำลังย่อตัวลงพอดี… รูปไม่สวยเลย

แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าแบบนี้…
อันแรกที่เข้าไปเจอก็คือรถไฟเหาะ Fujiyama อดีตรถไฟเหาะที่สูงที่สุดในโลกเมื่อปี 1996 ด้วยความสูง 79 เมตร และทยานดิ่งด้วยความเร็วสูงสุด 130 กม/ชม เองฮะ เบา ๆ …

แต่ขนาดมาถึงตอนพึ่งเปิดสวนสนุกแต่คนก็เยอะแล้ว (แต่มีคนบอกมาว่านี่น้อยแล้วนะ…)

หนึ่งชั่วโมงผ่านไป ในที่สุดก็จะได้เล่นซะที…
สูงและเร็วสะใจ แต่ตอนท้าย ๆ เหวี่ยงโหดไปหน่อย คอแทบหักเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว (พอดีเจอวีดีโอใน Youtube ที่เขาถ่าย POV ตอนเล่นมาให้ ก็เลบเอามาแปะให้ดูกัน)

แล้วก็ไปต่อกันที่ Dodonpa ซึ่งเหมือนว่าจะมีรถไฟเหาะแบบนี้ที่เดียวในโลกรึเปล่า? (คือไม่เคยเห็นแบบนี้ที่อื่นนะเท่าที่ดูมา) ตัวนี้เร่งความเร็วจาก 0 ถึง 172 กม/ชม. ในเวลาแค่ 2 วินาทีเท่านั้น…

เร็วจนน้ำตาไหลเลย (ไมได้กลัวนะ แต่มันเร็วมากจนลืมตาแทบไม่ขึ้นแน่ะ…)
เป้าหมายต่อไปคือเจ้านั่นแหล่ะครับ…
ยิ่งเข้าไปใกล้ยิ่งเห็นขนาดอันใหญ่โตอลังการ..
Ejanika เป็นหนึ่งใน 4 Dimension Coaster ที่ปัจจุบันมีเพียง 2 ที่ในโลก (แต่ได้ข่าวว่าประเทศจีนกำลังจะมีเร็ว ๆ นี้) คุณจะโดนหวี่ยงตีลังกาถึง 14 รอบในการเล่นหนึ่งครั้งเชียวนะ (เป็นสถิติโลกในปี 2006)

แนะนำให้นั่งหลังนะครับ เพราะว่าจะเห็นตัวเองลอยลิ่วแบบไร้ทิศทางและคาดเดาไมได้กันเลยทีเดียว ต่อคิวประมาณ 1 ชั่วโมง แต่เวลาเล่นแค่ 1 .30 นาที … ก็คิดว่าคุ้มครับว่าสนุกมาก ๆ

บ่ายสองแล้วแวะมาทานอาหารกลางวัน มื้อนี้เป็นคาโบนาร่า รสชาติก็กลาง ๆ ราคา 980 เยน

จะไปต่อที่โรงพยาบาลผีสิงอันลือชื่อ… แต่อนิจจา ตอน 14.45 น. ก็ปิดไม่ให้ต่อคิวเพิ่มแล้วครับ เพราะว่าสวนสนุกปิด 6 โมงเย็น (แปลว่าคนที่ต่อคิวหลังสุดก่อนหน้านี้ กว่าจะได้เล่นก็ล่อไปประมาณ 5 โมงครึ่งแน่ะ…

คนนี้เซ็งสุด… มาก็ไม่ได้เล่นอะไรเพราะกลัวความสูง กะมาเล่นแค่บ้านผีนี่แหล่ะ แต่อดเล่น… เป็นเราก็คงเซ็งเหมือนกัน

ก็เลยมาเล่น Mad Mouse เป็นรถไฟเหาะเล็ก ๆ ที่มีโค้งหักศอกแบบสุด ๆ จำนวนมากมายซึ่งเป็นความสนุกของรถไฟเหาะสไตล์ Wild Mouse นี่แหล่ะ

เตรียมคอหักกันได้เรย…
เวลาเล่นมันจะอารมณ์ประมาณนี้แหล่ะครับ
แอ็คท่าไร้สาระถ่ายรูป…
ต่อไปก็มาเล่นไอ้นี่ครับ มันสูงแล้วก็เร็ว แถมยังเปียกมากด้วย… แบบที่ Dream World บ้านเราชิดซ้ายไปเลย…

เปียกโชกจนต้องมานั่งผึ่งให้แห้งก่อนที่จะเป็นหวัด…
หลังจากนั่นก็เก็บเครื่องเล่นทั่วไปก่อนกลับบ้าน…
เล่นกันตั้งแต่สวนสนุกเปิดยันปิดกันเลยทีเดียว… เป็นทริปที่คุ้มมาก ;D
“กระดาษที่เสียเปล่า…” สมกับเป็นภาษาอังกฤษสไตล์ญี่ปุ่น…
น้ำประหลาด ๆ ที่เห็นโฆษณาอยู่บ่อย ๆ รสแก้วมังกร… ห่วยแตกสิ้นดี… แถมราคาตั้ง 270 เยนแน่ะ…

วันนี้มีเมฆทั้งวัน แต่อย่างน้อยก่อนกลับบ้านฟ้าฝนก็เป็นใจช่วยแหวกเมฆให้เห็น ฟูจิซัง เป็นบุญตาสักครั้ง… (ได้เห็นแค่นี้ก็ดีแล้ว เพราะตลอดทั้งวันเมฆทึบจนไม่เห็นอะไรเลย…)

นั่งรถกลับมาที่ ‘ชินจูกุ’ ตอนสองทุ่มกว่า แวะกินสุกี้ยากี้ที่ Mo-Mo Paradise คนละประมาณ 2000 เยนจ้า เนื้ออร่อยมั่ก ๆ

แวะถ่าย พุริคุระ ซะหน่อย เดี๋ยวนี้ตู้ถ่ายสติกเกอร์สามารถทำตาโตโดยไม่ต้องใส่บิ้กอาย ขนตาเด้งแบบไม่ต้องพึ่งขนตาปลอม ทำหน้าใสวิ้ง ๆแบบดาราได้ด้วยนะ… ทึ่งในเทคโนโลยีจริง ๆ

หลังจากแวะชม Host หนุ่มแถวนั้นที่มีทั้งหล่อเลิศ และ หาความหล่อไม่เจอ ปะปนกันไป ก็กลับถึงโรงแรมปรัมาณห้าทุ่มกว่า ๆ ก่อนเข้าโรงแรมแวะร้านสะดวกซื้อหยิบ พุดดิ้งของ Morinaga ( 98 เยน) และมองบลัง ( 150 เยน) มากินเล่น พุดดิ้งนุ่มนิ่มดึ๋งดั๋ง อร่อยดี ;D

กว่าจะได้นอนก็ตีหนึ่งเองฮะ เบา ๆ ….