เมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมาทางแบรนด์ Eucerin ได้ส่งผลิตภัณฑ์กันแดดตัวใหม่มาให้ปูเป้ลองในเดือนที่อากาศร้อนสุดขั้วหัวใจ ผลิตภัณฑ์ตัวที่ว่าก็คือ Eucerin : Sun Anti Age SPF50+ PA+++ (50ml / 1,300 Baht) โดยเคลมถึงคุณสมบัติในการปกป้องผิวนอกเหนือจากทั้ง UVA และ UVB แล้วยังรวมไปถึงปกป้องผิวจากผลกระทบของ High Energy Visible Light อีกด้วย ปูเป้ไม่เคยรีวิวผลิตภัณฑ์กลุ่มกันแดดของแบรนด์นี้โดยละเอียดจึงคิดว่าน่าสนใจดีที่จะมาอธิบายว่าแบรนด์นี้เขาใช้หลักการอะไรในการที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ของตัวเองเคลมว่าปกป้องเหนือชั้นมากกว่ารังสี UVA และ UVB ได้
สารกันแดดที่ใช้นั้นมีประสิทธิภาพดีโดย Butyl Methoxydibenzoylmethane (Avobenzone) เป็นตัวกรอง UVA และเสริมความเสถียรด้วย Bis-Ethylhexyloxyphenol Methoxyphenyl Triazine (Tinosorb® S) ซึ่งเป็นกรอง UVA และ UVB ประสิทธิภาพสูง โดยมีสารกันแดดชนิดอื่นอย่าง Homosalate กับ Ethylhexyl Salicylate และ Phenylbenzimidazole Sulfonic Acid เป็นตัวปกป้อง UVB เพื่อเพิ่มค่า SPF โดยไม่มีผลกระทบกับความเสถียรของ Avobenzone ในแง่ของสารกันแดดจึงถือว่าผ่านแบบฉลุย
ทีนี้ในส่วนของคำเคลมในการปกป้องผิวจากผลกระทบของ High Energy Visible Light (HEV) ก็ต้องมาอธิบายถึงเจ้าสิ่งนี้โดยสรุปง่าย ๆ เสียก่อน
รังสี UV มีความยาวของคลื่นอยู่ที่ 200 – 400 นาโนเมตร และแสงทีเรามองเห็น (Visible Light) อยู่ที่ 400-700 นาโนเมตร ไล่จากสีม่วงตามเฉดสีรุ้งไปจนถึงสีแดง เจ้า High Energy Visible Light คือช่วงคลื่นระหว่าง 400-450 นาโนเมตร (บางแหล่งก็บอก 400-430) ซึ่งเป็นช่วงคลื่นที่ส่งผลกระทบกับเซลล์ในแง่ลบได้แต่ในขณะเดียวกันสารกรองรังสี UV ที่ใช้โดยทั่วไปไม่สามารถดูดซับคลื่นแสงพลังงานสูงเหล่านี้ได้ สารที่สะท้อนหรือกระเจิงรังสี UV อย่าง Zinc Oxide และ Titanium Dioxide ที่ไม่ได้ถูกย่อยขนาดจนเล็กมากจะสามารถสะท้อนคลื่นแสงพลังงานสูงเหล่านี้ได้ แต่ในทางกลับกันอานุภาคที่ใหญ่ก็จะทำให้มันสะท้อนกับคลื่นแสงได้มากขึ้นทำให้เกิดเป็นสีขาวจนทำให้กันแดดนั้นทาแล้วทำให้หน้าขาวลอยมากขึ้นจนส่งผลกับการใช้งานในชีวิตจริงได้ (ทาแล้วทิ้งคราบขาวบนหน้าจนลอย ทำให้คนใช้กันแดดในปริมาณน้อยลง ส่งผลต่อปริมาณค่า SPF ที่ได้ก็น้อยลงด้วย)
การทดสอบผลกระทบที่มีต่อผิวของ Visible Light ทั้งช่วงคลื่นที่ 400-700 นาโนเมตร พบว่ามันสามารถวัดปริมาณของอนุมูลอิสระที่เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับการเพิ่มขึ้นของสารกลุ่ม Cytokines ที่เป็นตัวชี้วัดว่ามีการอักเสบในระดับเซลล์ รวมไปถึงการเพิ่มขึ้นของเอนไซม์ MMP-1 ที่ทำลายเส้นใยคอลลาเจนใต้ชั้นผิว การศึกษานี้ยังพบว่าการใช้ครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระจะลดผลกระทบเหล่านี้ได้
การศึกษาในปี 2011 ทำการทดสอบแสงของ Visible Light ในช่วงคลื่นที่เฉพาะมากขึ้นคือระหว่าง 420-700 นาโนเมตร และพบว่าคลื่นแสงที่ทำการทดสอบนั้นสามารถทำให้ผิวเกิดการสร้างเม็ดสีเป็นรอยคล้ำได้เหมือนกันนะ แต่มีผลน้อยกว่ารังสี UV 25 เท่า การทดสอบในปี 2014 เจาะจงลงไปอีกเพื่อพิสูจน์ว่าคลื่นแสงแต่ละช่วงนั้นมีผลกระทบกับผิวที่ต่างกันออกไปและได้พบว่าคลื่นแสงสีม่วงน้ำเงินที่ 415 นาโนเมตร (High Energy Visible Light ) กระตุ้นการผลิตเม็ดสีเมลานินได้จริง แต่ในขณะที่คลื่นแสงสีแดงที่ 630 นาโนเมตรไม่กระตุ้นการผลิตเม็ดสีเมลานินเพิ่ม
ข้อมูลที่เรามีในปัจจุบันนั้นเห็นพ้องตรงกันว่าไม่ได้มีเพียงรังสี UVA และ UVB ที่ส่งผลกระทบกับผิว แต่ยังรวมไปถึง Visible Light อีกด้วย แต่อย่างไรก็ดีแสงสีเหล่านี้ในแต่ละช่วงคลื่นมีคุณสมบัติต่างกันไป และแสงสีน้ำเงินที่มีพลังงานสูงนั้นแม้จะก่อปัญหากับผิวดังที่กล่าวมาแต่ก็มีการนำไปใช้เพื่อช่วยในการรักษาสิวเนื่องจากมันมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียสิวได้ โดยผสมกับคลื่นแสงสีอื่นเพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากแสงสีน้ำเงินเอง
(Source : Irradiation of skin with visible light induces reactive oxygen species and matrix-degrading enzymes., Effects of UV and visible radiation on DNA-final base damage., Are there mechanistic differences between ultraviolet and visible radiation induced skin pigmentation?, Differences in visible light-induced pigmentation according to wavelengths: a clinical and histological study in comparison with UVB exposure., Blue and red light combination LED phototherapy for acne vulgaris in patients with skin phototype IV.)
Glycyrrhiza Inflata Root Extract หรือ Licochalcone A เป็นสารโพลีฟีนอลชนิดหนึ่งที่สกัดได้จากรากชะเอมจีนและถูกใช้ในผลิตภัณฑ์ของ Eucerin และแบรนด์ในเครือ Beiersdorf อยู่หลายตัวโดยสารตัวนี้มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระที่ดี มีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบ ทาง Beiersdorf ได้ตีพิมพ์การศึกษาที่พบว่าสารชนิดนี้ยังไปเสริมกระบวนการปกป้องตัวเองของผิวตามธรรมชาติจากผลกระทบของรังสี UV ได้ด้วย
เมื่อปี 2016 ที่ผ่านมาทาง Beiersdorf ได้เสนอข้อมูลในงาน 43rd Annual Meeting of the ADF เอาไว้ว่า Licochalcone A สามารถปกป้องผิวจาก High Energy Visible Light โดยนำครีมกันแดดที่มีสูตรเหมือนกันทั้งหมดเว้นแต่ตัวหนึ่ง (Verum) มีส่วนผสมของ Licochalcone A และอีกตัวหนึ่ง (Vehicle) ไม่มีส่วนผสมของ Licochalcone A และนำไปฉายแสงในช่วงคลื่น 410-600 นาโนเมตร (พีคสุดที่ 450 นาโนเมตร) จึงทำการวัดปริมาณสารกลุ่มแคโรทีนอยด์ในผิวหนังและพบว่า ส่วนที่ไม่ได้ทากันแดดเลย กับทากันแดด Vehicle นั้นมีปริมาณของสารกลุ่มแคโรทีนอยด์ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระในผิวลดลง ส่วนที่ทากันแดดที่มี Licochalcone A นั้นมีปริมาณของสารกลุ่มแคโรทีนอยด์ในผิวอยู่สูงกว่า จึงสรุปว่า Licochalcone A สามารถลดผลกระทบของ High Energy Visible Light ในส่วนที่สารกรองรังสี UV ตามปกติไม่สามารถทำได้
Glycyrrhetinic Acid เป็นสารที่สกัดได้จากรากของชะเอมอีกเช่นกัน มีคุณสมบัติในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ ลดเอนไซม์ MMP-1และขัดขวางการทำงานของเอนไซม์ที่ทำลาย Hyaluronic Acid ใต้ผิว
Sodium Hyaluronate รูปแบบเกลือของ Hyaluronic Acid มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำที่ดีและช่วยเพิ่มคามชุ่มชื่นให้กับผิวชั้นนอก นี่เป็นส่วนผสมที่ถูกเพิ่มเข้ามาเพื่อเคลมความเป็น Anti-Aging ลดเลือนริ้วรอยในสูตรกันแดดตัวนี้ ซึ่งส่วนตัวมองว่าความชุ่มชื่นที่มากขึ้นจะทำให้ fine-line หรือริ้วรอยจากความแห้งกร้านดูลดลงได้
ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ไม่มีส่วนผสมของสีและน้ำหอม
Ingredients : Aqua, Homosalate, Glycerin, Butyl Methoxydibenzoylmethane, Ethylhexyl Salicylate, Butylene Glycol Dicaprylate/Dicaprate, Ethylhexyl Triazone, Alcohol Denat., Bis-Ethylhexyloxyphenol Methoxyphenyl Triazine, Cetearyl Alcohol, Phenylbenzimidazole Sulfonic Acid, C12-15 Alkyl Benzoate, Tapioca Starch, Sodium Hyaluronate, Glycyrrhiza Inflata Root Extract, Glycyrrhetinic Acid, Glyceryl Stearate, Sodium Stearoyl Glutamate, Acrylates/C10-30 Alkyl Acrylate Crosspolymer, Carbomer, Xanthan Gum, Dimethicone, Trisodium EDTA, Sodium Chloride, Phenoxyethanol, Ethylhexylglycerin.
เนื้อผลิตภัณฑ์เป็นเจลครีมสีเหลืองนวลจาง ๆ เกลี่ยได้ง่ายและไม่ทิ้งคราบขาวหรือทำให้ผิวดูขาวลอย เซ็ทตัวค่อนข้างไวและไม่เหนอะหนะแต่ก็ไม่แห้ง matte ไปซะทีเดียว เนื้อสัมผัสลักษณะนี้เป็นขุยยากและโดยรวมถึงจะไม่แห้งแมทนักแต่ก็ใช้งานในชีวิตประจำวันได้ดีเมื่อลงแป้งฝุ่นบาง ๆ ทับ
โดยรวมเป็นกันแดดที่เหมาะกับทุกสภาพผิวโดยเฉพาะผิวธรรมดา ผิวแห้ง ผิวผสม สำหรับผิวมันแต่มีปัญหาเรื่องผิวขาดน้ำร่วมด้วยตัวนี้ก็ยังสามารถใช้ได้เพราะทำเนื้อมาค่อนข้างดีเพียงแต่จะไม่มีคุณสมบัติในการควบคุมหรือลดความเงามันเมื่อใช้อย่างต่อเนื่องเหมือนกับรุ่น Dry Touch ของเขา และมีส่วนผสมเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิว ครีมกันแดดตัวนี้เคลมว่าอ่อนโยนมากแม้แต่ผิวที่ทำเลเซอร์ทรีตเมนต์มาก็ยังสามารถใช้ได้ แต่เรายังไม่ได้ทดสอบตรงนี้เพราะเราไม่ได้ทำเลเซอร์อะไรเลยในช่วงที่ทำการทดลองผลิตภัณฑ์จ้า แต่ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ก็ค่อนข้างอ่อนโยนแหล่ะ ไม่มีน้ำหอมด้วย แต่จะอ่อนโยนมากกว่านี้ถ้าสารกันแดดเป็นชนิด Physical ล้วน แต่เราว่ามันก็ทำให้ใช้ยากไปอีกแบบหนึ่งเหมือนกัน ส่วนตัวเราชอบสารกันแดดแบบนี้หรือแบบผสมมากกว่าแบบ Physical ล้วนล่ะ
สิ่งที่เราชอบในตัวบรรจุภัณฑ์ของปริมาณ 1 ปั้มจะได้กันแดด 1 ข้อนิ้วพอดี ถ้าต้องการให้ได้ค่า SPF เท่ากับที่ระบุบนผลิตภัณฑ์ก็ต้องใช้ประมาณ 2 ข้อนิ้วหรือ 2 ปั้มเต็ม ๆ ในการทาหน้าและลำคอในแต่ละครั้ง เรารู้สึกว่ามันทำให้เรากะปริมาณในการใช้ได้ค่อนข้างง่ายและสม่ำเสมอ
ส่วนคำเคลมว่าใช้แล้วช่วยลดริ้วรอยและจุดด่างดำเมื่อใช้อย่างต่อเนื่องนั้น เอาจริงๆ แล้วการทาครีมกันแดดเป็นประจำเป็น Anti-Aging ที่ได้รับการยอมรับแล้วอย่างกว้างขวางและการปกป้องผิวจากแสงแดดเป็นประจำจะลดการเกิดจุดด่างดำใหม่ได้อยู่แล้ว และเมื่อผิวได้รับการปกป้องอย่างต่อเนื่องความหมองคล้ำเดิมที่มีก็จะค่อย ๆ กลับคืนสู่สีผิวตามปกติเมื่อเวลาผ่านไป และการที่ตัวผลิตภัณฑ์มีส่วนผสมที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบและเสริมการปกป้องผิวเพิ่มขึ้นเป็นสิ่งที่กันแดดที่ดีควรจะมีอยู่แล้ว
โดยสรุปแล้ว Eucerin : Sun Anti Age SPF50+ PA+++ เป็นกันแดดคุณภาพดีอีกหนึ่งตัวสำหรับคนที่อยากได้ครีมกันแดดเนื้อครีมเจลที่เบาและเซ็ทตัวไวแต่ก็ไม่ถึงกับแห้งแมท มีส่วนผสมที่ช่วยให้ความชุ่มชื่นและปกป้องผิวจากผลกระทบจากแสง UV ในส่วนที่สารกันแดดดูดซับได้ไม่หมด คำเคลมในการปกป้องผิวจากผลกระทบของ High Energy Visible Light เป็นสิ่งที่น่าสนใจ โดยรวมแล้วเป็นการใช้สารแอนติออกซิแดนท์หลักที่เขาใช้อยู่แล้วมาทดสอบเพิ่มขึ้นเพื่อสนับสนุนเคลมที่มากขึ้น อย่างไรก็ดีถ้ามองตามนี้ก็แปลว่าผลิตภัณฑ์ทุกตัวของเขาที่ผสม Licochalcone A สามารถปกป้องผิวจาก High Energy Visible Light ได้แบบนั้นหรือเปล่า? และส่วนตัวเราก็อยากจะเห็นการเปรียบเทียบประสิทธิภาพของ Licochalcone A กับสารแอนติออกซิแดนท์อื่นทั่วไปในการทดสอบลักษระนี้ เพราะในมุมของผู้บริโภคเราก็ตื่นเต้นที่จะรู้ว่าเออสารตัวนี้มันเหนือกว่าสารแอนติออกซิแดนท์ที่เรามักเจอทั่วไปในผลิตภัณฑ์อย่างไรบ้าง? เราหวังว่าในอนาคตอันใกล้จะมีการกำหนดมาตรฐานสากลของการวัดค่าและการระบุค่าในการปกป้องผิวจาก High Energy Visible Light ของตัวผลิตภัณฑ์เพื่อให้ผู้บริโภคมีจุดยึดหรือหลักในการชี้วัดประสิทธิภาพและเปรียบเทียบเพื่อประโยชน์ในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ได้มากกว่าตอนนี้
สารกันแดดในผลิตภัณฑ์ตัวนี้ไม่มีปัญหาอะไรเลย แต่ค่าการปกป้อง UVA ของผลิตภัณฑ์ได้มาที่ PA+++ และ Boots UV Star 3 ดวง ซึ่งไม่ได้แย่นะ ถือว่าใช้ได้ เพียงแต่โดยส่วนตัวเราอยากได้การปกป้อง UVA ที่มากกว่านี้แต่ยังสามารถคงเนื้อสัมผัสที่ดีแบบเดิมได้ ถือเป็นข้อแนะนำเผื่อเขาจะมีการอัพเดทสูตรในอนาคตละกันเนอะ
เอาเป็นว่าตอนนี้จุดหลักคือต้องดูที่การปกป้องผิวจากรังสี UV แหล่ะ ส่วนที่เหลือจะปกป้องอะไรได้เพิ่มนั้นเป็นของแถมที่ถ้ามีให้ก็ดีกว่าไม่มี และใช้กันแดดที่มีคุณภาพดีแล้วก็ต้องใช้ในปริมาณที่มากพอเพื่อให้ได้ค่าการปกป้องตามที่ระบุด้วยนะ ไม่งั้นจะถือว่าเสียของ หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวผลิตภัณฑ์นอกเหนือจากรีวิวนี้สามารถไปสอบถามผ่านทาง Facebook : Eucerin ได้ครับ
สำหรับคำถามว่า “จะแพ้มั้ย” “ใช้แล้วอุดตันรึเปล่า?” เป็นคำตอบที่ปูเป้บอกไม่ได้ครับ อาการแพ้เป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปในทุก ๆ คน สำหรับการอุดตันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวโดยรวมของแต่ละคนเอง นอกจากนี้คนเรายังไวต่อการอุดตันของสารแต่ละตัวไม่เหมือนกันด้วย ดังนั้นก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตาม ควรทดสอบและทดลองใช้ก่อนทุกครั้ง
***Sponsored Item***
- Eucerin : Sun Anti Age SPF50+ PA+++
- กัน UV ได้ครบและเสถียร มีสารแอนติออกวิแดนท์มาให้ตามฉบับของกันแดดที่ดีควรจะเป็น
- ไม่มีส่วนผสมของสี น้ำหอม ค่อนข้างอ่อนโยนกับผิว
- เนื้อสัมผัสดี ไม่เหนอะไป แต่ก็ไม่แห้ง และให้ผิวชุ่มชื่น
- ส่วนตัวเราอยากให้ค่าการปกป้อง UVA เป็น PA++++ ล่ะ