ท่ามกลางกระแสการไหลทะลักของแบรนด์ต่างชาติโดยเฉพาะแบรนด์จากประเทศญี่ปุ่นที่หลั่งไหลเข้ามาในประเทศไทย มีแบรนด์อยู่แบรนด์หนึ่งที่เรารู้จักมานานหลายปีเนื่องจากมันเป็นแบรนด์ที่ดังมากในญี่ปุ่น นั่นก็คือ Dr.Ci:Labo นั่นเอง

 photo DrYoshinori.png
แบรนด์ Dr.Ci:Labo ก่อตั้งโดย Dr.Yoshinori Shirono แพทย์ผิวหนังที่มีชื่อเสียง และเริ่มพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ที่ให้ผลในการดูแลผิวที่หลากหลายกับผู้ป่วยของเขาเองจนออกมาเป็น Aqua-Collagen-Gel เมื่อปี 1995 และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีและบอกต่อกันจนได้รับความนิยมมาก ในที่สุดเขาก็เลยทำผลิตภัณฑ์ตัวนี้ออกจำหน่ายทั่วไปอย่างเป็นทางการในปี 1999 จนมาถึงปี 2015 นี้ทางแบรนด์ก็มีผลิตภัณฑ์ออกมามากมายรวมถึงมีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอีกด้วย

 photo DrCiLabo Sensitive Gel 05.png
เจ้า Aqua-Collagen-Gel นี้ก็ได้รับการพัฒนาออกมาเป็นหลายสูตรและมีการปรับปรุงเพื่ออัพเดทส่วนผสมมาแล้วหลายครั้ง โดยตัวแทนของ Dr.Ci:Labo ได้ส่งมาให้ปูเป้มาลอง 4 แบบด้วยกัน ซึ่งแต่ละตัวจะเน้นส่วนผสมที่บ้าพลังมากคือยัดสารบำรุงมาเป็นร้อยชนิดเลยทีเดียว ในยามปกติปูเป้คงจะลองสูตรที่ส่วนผสมเยอะ ๆ นั่นแหล่ะ แต่ว่าตอนที่ปูเป้ได้ผลิตภัณฑ์ตัวนี้มานั้นสภาพผิวของตัวเองค่อนข้างมีปัญหา คือผิวเป็นสิวและมีการอักเสบง่าย แถมยังป่วยด้วย ทำให้ตัวที่ปูเป้ตัดสินใจหยิบมาลองก็คือ Dr.Ci:Labo : Aqua-Collagen-Gel Super Sensitive (50g. / 1,690 THB)

เหตุผลที่เลือกตัวนี้มาลองใช้ก็เพราะว่ามันมีส่วนประกอบที่เรียบง่ายกว่า (ส่วนผสมยิ่งเยอะชนิด โอกาสที่จะสุ่มไปเจอตัวที่แพ้ก็จะมากขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นส่วนผสมน้อย ๆ ก็จะเสี่ยงน้อยลง) และส่วนผสมหลักที่ให้มาก็เน้นไปที่ตัวเสริมความแข็งแรงของผิวทั้งนั้น จึงเหมาะมาก ๆ กับสภาพผิวที่มีการอักเสบและระคายเคืองง่าย (และในช่วงที่ป่วยด้วย ภูมิคุ้มกันเราจะแย่ลง ผิวเราก็อ่อนแอลงตามไปเหมือนกันนะ) 

ส่วนผสมที่เสริมความแข็งแรงของผิวส่วนใหญ่จะเป็นสิ่งที่ผิวเรามีอยู่แล้วในธรรมชาติ อย่างเช่น Ceramide รวมกัน 4 ชนิด กับ Phytosphingosine ที่จะเสริมช่องระหว่างเซลล์ผิวทำให้การปกป้องตัวเองจากสิ่งเร้าภายนอกและลดการระเหยของน้ำจากภายในได้ดีขึ้น

 photo DrCiLabo Sensitive Gel 04.pngส่วนผสมอย่างพวก Raffinose กับ Sodium Hyaluronate และ Suluble Colagen ก็ทำให้ผิวชุ่มชื่นได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีส่วนประกอบของกรดอะมิโนหลายชนิดซึ่งคุณสมบัติพื้นฐานของกรดอะมิโนก็คือการเป็นสารอุ้มน้ำ แต่การนำมาทาผิวนั้นบางตัวก็มีคุณสมบัติอื่น ๆไม่ว่าจะเป็นการต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ และอีกหลายอย่าง
(Source : A Dermatological View – Percutaneous Penetration of Amino Acids)

ส่วนผสมหลักอื่น ๆ ยังเน้นไปที่การลดการอักเสบด้วย ไม่ว่าจะเป็น Allatonin, Dipotassium Glycyrrhizate และสารสกัดจากพืชสมุนไพรอีกกว่า 7 ชนิด ที่เคลมว่าช่วยในเรื่องของการเสริมความแข็งแรงของผิวชั้นนอกนั้นเรายังหาข้อมูลตรงนี้ไม่เจอ แต่ว่าสารสกัดจากพืชเหล่านี้มีใช้ในเครื่องสำอางอยู่แล้วและเคลมถึงคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระและการอักเสบ

นอกจากนี้ยังปราศจากส่วนผสมที่ระคายเคืองผิว สี น้ำหอม และแอลกอฮอล์ชนิดระเหยไวอีกด้วยล่ะ ทำให้โดยรวมแล้วส่วนผสมทั้งหมดนั้นเหมาะกับคนที่มีผิว Sensitive บอบบาง ระคายเคืองง่าย หรือคนที่ต้องการเสริมความแข็งแรงของผิว

Ingredients : WATE, BUTYLENE GLYCOL, GLYCERIN, SQUALANE, RAFFINOSE, CERAMIDE 1, CERAMIDE 2, CERAMIDE 3, CERAMIDE 6 II, SODIUM HYALURONATE, SOLUBLE COLLAGEN, PHYTOSPHINGOSINE, TOCOPHEROL, BIOTIN, GLUCOSYL HESPERIDIN, ALLANTOIN, DIPOTASSIUM GLYCYRRHIZATE, ANGELICA ACUTILOBA ROOT EXTRACT, PUERARIA LOBATA ROOT EXTRACT, SASA VEITCHII EXTRACT, PERILLA OCYMOIDES LEAF EXTRACT, PAEONIA ALBIFLORA ROOT EXTRACT, ORYZA SATIVA (RICE) BRAN EXTRACT, COPTIS CHINENSIS ROOT EXTRACT, REHMANNIA CHINENSIS EXTRACT, SODIUM ASPARTATE, ALANINE, ARGININE, ISOLEUCINE, DISODIUM INOSINATE, DISODIUM GUANYLATE, GLYCINE, GLUTAMIC ACID, SERINE, TAURINE, TYROSINE, THREONINE, VALINE, HISTIDINE HYDROCHLORIDE, PHENYLALANINE, PROLINE, LYSINE HCL, LEUCINE, SIMMONDSIA CHINENSIS (JOJOBA) SEED OIL, MORTIERELLA OIL, CHOLESTEROL, CARAMEL, CARBOMER, POTASSIUM HYDROXIDE, XANTHAN GUM, CAPRYLYL GLYCOL.




 photo DrCiLabo Sensitive Gel 02.png
แม้บรรจุภัณฑ์แบบกระปุกจะเป็นสิ่งที่เราไม่ค่อยสนับสนุนนักเนื่องจากมันไม่ค่อยสะอาดในการใช้เท่าไหร่ แต่เจ้าเจลกระปุกนี้มันน่ารักดีตรงที่พายสำหรับตักเนื้อเจลนั้นสามารถเก็บเอาไว้บนฝาปิดด้านใน ทำให้สะดวกในการใช้และเก็บมากขึ้น

เนื้อผลิตภัณฑ์เป็นเจลสีขาวขุ่นปราศจากกลิ่น สามารถเกลี่ยได้ง่ายและให้ควารู้สึกที่ดีเมื่อสัมผัสผิว เมื่อเซ็ทตัวแล้วจะมีอะไรเคลือบผิวอยู่บาง ๆ ไม่ทิ้งความหนอะหนะหรือลอกเป็นขุยเจลขึ้นมา

 photo DrCiLabo Sensitive Gel 03.png
เจลตัวนี้สามารถใช้เป็นมอยซ์เจอไรเซอร์ได้ทั้งในช่วงกลางวันและกลางคืน แต่โดยส่วนตัวเราจะชอบใช้ในตอนกลางคืนเพื่อเป็น Sleeping Mask มากกว่า โดยทาเป็นชั้นหนา ๆ ทั่วใบหน้าและลำคอและปล่อยให้ซึมเข้าผิวก่อนเข้านอน ขอบอกว่ามันฟีลกู๊ดมาก ๆ แบบว่าสบายผิวสุด ๆ เลยล่ะ เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งใน Sleeping Mask ที่ดีที่สุดตัวหนึ่งที่เราเคยลองเลยก็ว่าได้

สำหรับการใช้ในตอนกลางวันนั้นเราจะลดปริมาณในการใช้ให้เหลือแค่เมล็ดถั่วเขียว เพราะเราบำรุงด้วยพวกเอสเซนส์น้ำและเซรั่มนผิวค่อนข้างฉ่ำแล้ว จึงจะเติมมอยซ์เจอไรเซอร์เฉพาะจุดที่มักแห้งกร้านได้ง่ายเช่นแนวกราม รอบปากอะไรประมาณนี้ แต่ถ้าวันไหนเราอยู่บ้านไม่ต้องออกไปไหนเราก็จะทาเยอะ ๆ ได้เลยเพราะเราอยู่ในห้องแอร์ทั้งวัน


อยู่แล้ว

 photo DrCiLabo Sensitive Gel 01.png
โดยสรุปแล้วเราชอบ Dr.Ci:Labo : Aqua-Collagen-Gel Super Sensitive มาก ๆ เลยล่ะ คือผิวมันสุขภาพดีขึ้น แข็งแรงขึ้น ชุ่มชื่น ยืดหยุ่น และดูใสขึ้น และมันเหมาะที่จะใช้เป็น Sleeping Mask อย่างยิ่งและใช้ดีมาก ๆ ๆ เสียอย่างเดียวที่ราคาค่าตัวก็แอบแรงพอดูถ้าจะใช้เปลืองซะขนาดนี้ล่ะ แต่ถ้าเงินไม่ใช่ประเด็นสำคัญก็อยากให้ลองจัดมาลองกันดู มันเลิศจริงอะไรจริง ส่วนถ้าใครไม่ได้มีผิวบอบบางแพ้ง่ายหรืออยู่ในช่วงที่ผิวมีปัญหา สูตรอื่น ๆ ที่เขายัดส่วนผสมมาเป็นร้อย ๆ ชนิดก็น่าสนไม่หยอกนะ โดยผลิตภัณฑ์ Dr.Ci:Labo จะมีวางจำหน่ายที่ Watsons กับในซุปเปอร์มาร์เก็ตของ Isetan และ ที่ร้าน Matsumoto Kiyoshi รวมถึงร้านค้าชั้นนำทั่วไป

สำหรับคำถามว่า “จะแพ้มั้ย” “ใช้แล้วอุดตันรึเปล่า?” เป็นคำตอบที่ปูเป้บอกไม่ได้ครับ อาการแพ้เป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปในทุก ๆ คน สำหรับการอุดตันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวโดยรวมของแต่ละคนเอง นอกจากนี้คนเรายังไวต่อการอุดตันของสารแต่ละตัวไม่เหมือนกันด้วย ดังนั้นก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตาม ควรทดสอบและทดลองใช้ก่อนทุกครั้ง

ข้อดี

– ปราศจากส่วนผสมของสี น้ำหอม หรือส่วนผสมที่ระคายเคืองผิว
– ส่วนผสมเน้นเสริมความแข็งแรงและความชุ่มชื่นของผิว
– เนื้อผลิตภัณฑ์ฉ่ำผิว ใช้เป็น Sleeping Mask ได้ดีมาก
– เห็นผลในแง่ของการช่วยทำให้ผิวชุ่มชื่น แข็งแรงขึ้น ผิวดูสดใสและยืดหยุ่น

ข้อเสีย

– บรรจุภัณฑ์แบบกระปุก

***Sponsored Item***

– Dr.Ci:Labo : Aqua-Collagen-Gel Super Sensitive