ท่ามกลางกระแสการไหลทะลักของแบรนด์ต่างชาติโดยเฉพาะแบรนด์จากประเทศญี่ปุ่นที่หลั่งไหลเข้ามาในประเทศไทย มีแบรนด์อยู่แบรนด์หนึ่งที่เรารู้จักมานานหลายปีเนื่องจากมันเป็นแบรนด์ที่ดังมากในญี่ปุ่น นั่นก็คือ Dr.Ci:Labo นั่นเอง
เหตุผลที่เลือกตัวนี้มาลองใช้ก็เพราะว่ามันมีส่วนประกอบที่เรียบง่ายกว่า (ส่วนผสมยิ่งเยอะชนิด โอกาสที่จะสุ่มไปเจอตัวที่แพ้ก็จะมากขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นส่วนผสมน้อย ๆ ก็จะเสี่ยงน้อยลง) และส่วนผสมหลักที่ให้มาก็เน้นไปที่ตัวเสริมความแข็งแรงของผิวทั้งนั้น จึงเหมาะมาก ๆ กับสภาพผิวที่มีการอักเสบและระคายเคืองง่าย (และในช่วงที่ป่วยด้วย ภูมิคุ้มกันเราจะแย่ลง ผิวเราก็อ่อนแอลงตามไปเหมือนกันนะ) ส่วนผสมที่เสริมความแข็งแรงของผิวส่วนใหญ่จะเป็นสิ่งที่ผิวเรามีอยู่แล้วในธรรมชาติ อย่างเช่น Ceramide รวมกัน 4 ชนิด กับ Phytosphingosine ที่จะเสริมช่องระหว่างเซลล์ผิวทำให้การปกป้องตัวเองจากสิ่งเร้าภายนอกและลดการระเหยของน้ำจากภายในได้ดีขึ้น
ส่วนผสมหลักอื่น ๆ ยังเน้นไปที่การลดการอักเสบด้วย ไม่ว่าจะเป็น Allatonin, Dipotassium Glycyrrhizate และสารสกัดจากพืชสมุนไพรอีกกว่า 7 ชนิด ที่เคลมว่าช่วยในเรื่องของการเสริมความแข็งแรงของผิวชั้นนอกนั้นเรายังหาข้อมูลตรงนี้ไม่เจอ แต่ว่าสารสกัดจากพืชเหล่านี้มีใช้ในเครื่องสำอางอยู่แล้วและเคลมถึงคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระและการอักเสบ
นอกจากนี้ยังปราศจากส่วนผสมที่ระคายเคืองผิว สี น้ำหอม และแอลกอฮอล์ชนิดระเหยไวอีกด้วยล่ะ ทำให้โดยรวมแล้วส่วนผสมทั้งหมดนั้นเหมาะกับคนที่มีผิว Sensitive บอบบาง ระคายเคืองง่าย หรือคนที่ต้องการเสริมความแข็งแรงของผิว
Ingredients : WATE, BUTYLENE GLYCOL, GLYCERIN, SQUALANE, RAFFINOSE, CERAMIDE 1, CERAMIDE 2, CERAMIDE 3, CERAMIDE 6 II, SODIUM HYALURONATE, SOLUBLE COLLAGEN, PHYTOSPHINGOSINE, TOCOPHEROL, BIOTIN, GLUCOSYL HESPERIDIN, ALLANTOIN, DIPOTASSIUM GLYCYRRHIZATE, ANGELICA ACUTILOBA ROOT EXTRACT, PUERARIA LOBATA ROOT EXTRACT, SASA VEITCHII EXTRACT, PERILLA OCYMOIDES LEAF EXTRACT, PAEONIA ALBIFLORA ROOT EXTRACT, ORYZA SATIVA (RICE) BRAN EXTRACT, COPTIS CHINENSIS ROOT EXTRACT, REHMANNIA CHINENSIS EXTRACT, SODIUM ASPARTATE, ALANINE, ARGININE, ISOLEUCINE, DISODIUM INOSINATE, DISODIUM GUANYLATE, GLYCINE, GLUTAMIC ACID, SERINE, TAURINE, TYROSINE, THREONINE, VALINE, HISTIDINE HYDROCHLORIDE, PHENYLALANINE, PROLINE, LYSINE HCL, LEUCINE, SIMMONDSIA CHINENSIS (JOJOBA) SEED OIL, MORTIERELLA OIL, CHOLESTEROL, CARAMEL, CARBOMER, POTASSIUM HYDROXIDE, XANTHAN GUM, CAPRYLYL GLYCOL.
เนื้อผลิตภัณฑ์เป็นเจลสีขาวขุ่นปราศจากกลิ่น สามารถเกลี่ยได้ง่ายและให้ควารู้สึกที่ดีเมื่อสัมผัสผิว เมื่อเซ็ทตัวแล้วจะมีอะไรเคลือบผิวอยู่บาง ๆ ไม่ทิ้งความหนอะหนะหรือลอกเป็นขุยเจลขึ้นมา
สำหรับการใช้ในตอนกลางวันนั้นเราจะลดปริมาณในการใช้ให้เหลือแค่เมล็ดถั่วเขียว เพราะเราบำรุงด้วยพวกเอสเซนส์น้ำและเซรั่มนผิวค่อนข้างฉ่ำแล้ว จึงจะเติมมอยซ์เจอไรเซอร์เฉพาะจุดที่มักแห้งกร้านได้ง่ายเช่นแนวกราม รอบปากอะไรประมาณนี้ แต่ถ้าวันไหนเราอยู่บ้านไม่ต้องออกไปไหนเราก็จะทาเยอะ ๆ ได้เลยเพราะเราอยู่ในห้องแอร์ทั้งวัน อยู่แล้ว
สำหรับคำถามว่า “จะแพ้มั้ย” “ใช้แล้วอุดตันรึเปล่า?” เป็นคำตอบที่ปูเป้บอกไม่ได้ครับ อาการแพ้เป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปในทุก ๆ คน สำหรับการอุดตันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวโดยรวมของแต่ละคนเอง นอกจากนี้คนเรายังไวต่อการอุดตันของสารแต่ละตัวไม่เหมือนกันด้วย ดังนั้นก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตาม ควรทดสอบและทดลองใช้ก่อนทุกครั้ง
ข้อดี
– ปราศจากส่วนผสมของสี น้ำหอม หรือส่วนผสมที่ระคายเคืองผิว
– ส่วนผสมเน้นเสริมความแข็งแรงและความชุ่มชื่นของผิว
– เนื้อผลิตภัณฑ์ฉ่ำผิว ใช้เป็น Sleeping Mask ได้ดีมาก
– เห็นผลในแง่ของการช่วยทำให้ผิวชุ่มชื่น แข็งแรงขึ้น ผิวดูสดใสและยืดหยุ่น
ข้อเสีย
– บรรจุภัณฑ์แบบกระปุก
***Sponsored Item***
– Dr.Ci:Labo : Aqua-Collagen-Gel Super Sensitive