เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา ทาง Boots ได้มีการปรับภาพลักษณ์ของผลิตภัณฑ์กลุ่ม No7 ใหม่หมด ซึ่งเป็นการปรับทั่วโลกเลยล่ะ กลุ่มผลิตภัณฑ์ No7 ประกอบไปด้วยทั้ง Skincare กับ Body Care บางส่วน แล้วก็มี Makeup ให้เลือกอีกมากมาย แต่สิ่งที่ทำให้ปูเป้ได้รู้จักกับแบรนด์ No7 น่าจะเป็นช่วงปี 2007 หรือ 2008 ที่ผลิตภัณฑ์ No7 Protect & Perfect Serum ขายดิบขายดีถล่มทลายในอังกฤษจนเป็นข่าวไปทั่วโลก (ยกเว้นในไทยนะ เพราะไม่มีสำนักข่าวของไทยเอามาเสนอ)

 photo No7PampP01.jpg
หลังจากความสำเร็จอย่างงดงามของ Protect & Perfect Serum รุ่นแรก ก็ได้มีการเพิ่มผลิตภัณฑ์ในไลน์ให้ครบมากขึ้น และเปิดตัว Protect & Perfect Intense ในปี 2009 ซึ่งมีการผสมสาร Anti-Aging เพิ่มขึ้นจากรุ่นแรกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการต่อต้านริ้วรอยให้ดีขึ้น และยังมีสูตร Whitening สำหรับชาวเอเชียที่ต้องการดูแลเรื่องผิวขาวกระจ่างใสอีกด้วย เนื่องจากมีเวลาจำกัดในการลอง ปูเป้ต้องตัดสินใจเลือกใช้ได้เพียงหนึ่งกลุ่ม ก็เลยขอเลือกตัว Original ดูก่อน เผื่อมีเวลาในอนาคตจะได้ลองสูตร Intense แล้วจะได้เปรียบเทียบกันดูอีกที (เนอะ)

จากการหาข้อมูลเพิ่มเติม สาเหตุที่สาวอังกฤษต้องรุมแย่งซื้อเซรั่มตัวนี้จนเป็นกระแสขาดตลาดในตอนนั้นคงเป็นเพราะมีข่าวในอังกฤษหลายสำนักออกมาพูดถึงการศึกษาชิ้นหนึ่งที่บอกว่า เซรั่ม No7 Protect & Perfect นั้นช่วยลดเลือนริ้วรอยและปัญหาผิวที่เกิดขึ้นจากแสงแดดให้ดีขึ้นได้โดยเพิ่มปริมาณ Fibrillin-1 ในผิวชั้น papillary dermis และกระตุ้นการสร้าง Procollagen I แต่ไม่มีผลกระข้างเคียงเรื่องการระคายเคืองเหมือนกับการใช้กรดวิตามินเอ และมีราคาถูกกว่าด้วย (แต่ประเด็นเรื่องราคานี้ไม่มีผลในประเทศไทย เพราะในบ้านเรายากรดวิตามินเอถูกมากกว่าประเทศแถบยุโรปเป็นสิบ ๆ เท่า แถมซื้อได้โดยไม่ต้องใช้ใบสั่งแพทย์ด้วย)

 photo No7PPStudy.jpg
การศึกษานี้ตีพิมพ์ใน British Journal of Dermatology เมื่อปี 2008 โดย University of Manchester ทำเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ 4 ชิ้น โดยชิ้นแรกเป็นมอยซ์เจอไรเซอร์พื้นฐานที่ใส่สารสกัดจากชาเขียวมานิดหน่อย อีกสองตัวคือผลิตภัณฑ์จากก Boots โดยตัวหนึ่งเป็นครีมที่ใช้สาร Active รวม 2% และอีกตัวเป็นเซรั่มเบสซิลิโคน ที่ใส่สาร Active รวม 6% ซึ่งสาร Active ที่ว่านี้ประกอบไปด้วย lipopentapeptide กับ white lupin peptides ร่วมด้วยสารแอนติออกซิแดนท์ และวิตามินเอในรูป Retinyl Palmitate (น้อยกว่า 0.2%) ตัวสุดท้ายคือยากรดวิตามินเอ Tretinoin 0.025% โดยทาลงบนผิวของอาสาสมัครชายและหญิงจำนวน 9 คน ใช้ระยะเวลาทดสอบ 12 วัน ก่อนตัดชิ้นเนื้อเพื่อทำการตรวจสอบ

ผลที่ได้คือ รูป a ที่ใช้มอยซ์เจอไรเซอร์พื้นฐานไม่มีผลในการกระตุ้นการสร้าง Fibrillin-1 (สีดำ ๆ) ในขณะที่รูป c ซึ่งใช้สาร Active 6% นั้นมีการเพิ่มขึ้นของ Fibrillin-1 ในปริมาณที่มาก เมื่อเทียบกับรูป d ที่ใช้ Tretinoin 0.025 นอกจากนี้การศึกษายังชี้ว่า สาร Active 6% นี้ยังช่วยกระตุ้นการสร้าง Procollagen I ในขณะที่ Tretinoin 0.025% ไม่ค่อยมีผลตรงนี้เท่าไหร่

ซึ่งแม้ว่าผลที่ได้นั้นจะออกมาดูดี แต่การศึกษานี้ถูกสนับสนุนโดย Boots เอง ก็อาจมีข้อกังขาอยู่บ้าง จำนวนอาสาสมัครที่เข้าร่วมก็มีเพียง 9 คนซึ่งก็ถืว่าไม่มากเท่าไหร่ ทำให้การศึกษาที่ออกมานี้ยังมีจุดที่ยังเคลือบแคลงอยู่บ้าง แต่อย่างน้อยก็เป็นหนึ่งในเครื่องสำอางไม่กี่ตัวที่อ้างอิงถึงการวิจัยและมีงานวิจัยตีพิมพ์ให้อ่านกันจริง ๆ

(Source : Repair of photoaged dermal matrix by topical application of a cosmetic ‘antiageing’ product)

 photo No7PampP02.jpg
Boots No7 : Protect & Perfect Serum (30ml / 950THB)

จากที่กล่าวมาเบื้องต้นแล้ว เซรั่มตัวนี้ก็คือผลิตภัณฑ์ทดสอบที่ใช้สาร Actives เข้มข้น 6% ที่ถูกพูดถึงในการศึกษาที่ตีพิมพ์เมื่อปี 2008 ซึ่งประกอบไปด้วย

Antioxidant น่าจะรวมถึง Sodium Ascorbyl Phosphate ซึ่งเป็นวิตามินซีเสถียรชนิดหนึ่งซึ่งก็มีประสิทธิภาพดี แต่ก็ใส่มาไม่ได้เยอะมาก จึงนับเป็นแอนติออกซิแดนท์หนึ่งตัวมากกว่าจะมองเป็นสารไวท์เทนนิ่งหรือกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน มีวิตามิน E ในรูปของ Tocopherol ซึ่งทำงานร่วมกับวิตามินซีได้ และน่าจะรวมถึงสารสกีดจากพืชอีกสองชนิดอย่าง Panax Ginseng Root Extract และ Morus Alba Leaf Extract ซึ่งในการวิจัยไม่ได้พูดถึงเป็นพิเศษ จึงมองว่าเป็นแอนติออกซิแดนท์อีกเช่นกัน

Lipopentapeptide ก็คือ Palmitoyl Oligopeptide, Palmitoyl Tetrapeptide-7 หรือ Matrixyl 3000 ของบริษัท Sederma ที่เคลมว่าช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และ ไฮยาลูโรนิคแอซิดในผิวชั้นใน เป็นส่วนผสมที่อาจจะดูน่าตื่นเต้นในช่วง 5 ปีก่อนหน้านี้ แต่ปัจจุบันเป็นอะไรที่ใช้กันค่อนข้างแพร่หลายตั้งต่ผลิตภัรณฑ์ระดับ Mass ยัน Prestige (ซึ่งอาจจะต่างที่ความเข้มข้นที่ใส่มา)

White lupin peptides ก็คือ Lupinus Albus Seed Extract ซึ่งยังไม่มีข้อมูลเท่าไหร่ แต่มีส่วนผสมที่ชื่อว่า Collageneer จากบริษัท Expanscience Laboratories ที่ออกมาในช่วยเวลาใกล้กัน เคลมในเรื่องกระตุ้นการสร้าง Collagen I เอาไว้

สุดท้ายคือ Retinyl Palmitate ในความเข้มข้น 0.2% หรือน้อยกว่า เป็นวิตามินในรูปแบบที่ร่างกายของมนุษย์เก็บเอาไว้ในร่างกาย ตามทฤษฏีแล้วเมื่อนำมาทาบนผิวต้องเปลี่ยนรูปอีกสามครั้งกว่าผิวจะนำไปใช้ได้ จึงน่าจะมีประสิทธิภาพน้อยกว่า Retinol หรือ Retinyldehyde แต่ก็อ่อนโยนมากกว่าเช่นกัน

 photo No7PampP03.jpg
ส่วนผสมของเบสเป็นซิลิโคนกับน้ำที่มีเนื้อเนียนนุ่มลื่น ซึ่งตรงนี้ก็ช่วยกลบความไม่เรียบของผิวได้เล็กน้อยเพื่อให้ริ้วรอยจาง ๆ ดูดีขึ้น ส่วนตัวยังไม่เจอปัญหาเป็นขุบกับกันแดดและ BB Cream ที่ใช้อยู่ แต่ก็ไม่สามารถการันตีได้ว่าจะไม่เกิดปัญหานี้เลยเพราะว่าอะไรที่เป็นเบสซิลิโคนมักมีปัญหาเป็นขุยได้กับกันแดดที่เซ็ทตัวเป็นฟิลม์แห้ง ๆ ซึ่งตรงนี้คงต้องไปทดลองเพิ่มเติมกันเองอีกที

เซรั่มตัวนีสามารถทารอบดวงตาได้ด้วยเพราะว่ามันอ่อนโยนทีเดียว ไม่มีสี น้ำหอม และสารที่ก่อการระคายเคือง (แต่อาการแพ้ก็ไม่มีใครสามารถบอกได้ ต้องไปลองเองนะ) ผลหลังจากการใช้นั้นปูเป้ยังไม่ได้มีปัญหาเรื่องริ้วรอยเท่าไหรื จึงยังอาจจะบอกตรงนี้ไม่ได้มากนัก แต่ไม่พบอาการแพ้หรือผลเสียใด ๆ เมื่อใช้คู่กับครีมในไลน์เดียวกันในตอนกลางวัน (เฉพาะช่วงที่อยู่บ้าน เพราะไม่ต้องทากันแดดเพิ่ม) รู้สึกว่าผิวชุ่มชื้นและนุ่มเนียนขึ้นเล็กน้อย บรรจุภัณฑ์เป็นหลอดบีบทึบแสง ซึ่งก็เป็นการพัฒนาที่ดีขึ้นกว่ารุ่นเก่าที่เป็นหลอดใส

ปูเป้มองว่านี่เป็นเซรั่มที่เหมาะกับทุกสภาพผิวที่ต้องการชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย แม้จะไม่ใช่อะไรที่หวือหวาหรือใหม่ล่าสุดทางเทคโนโลยีของยุคนี้ แต่ด้วยราคาและการที่ Boots มีโปรโมชั่นอยู่เรื่อย ก็ถือว่าสิ่งที่ได้ก็เหมาะสมกับเงินที่จ่ายไป

Ingredients : Cyclopentasiloxane, Aqua (Water), Butylene Glycol, Dimethicone Crosspolymer, Cyclohexasiloxane, Glycerin, PEG/PPG-18/8 Dimethicone, Sodium Ascorbyl Phosphate, Polysorbate 20, Magnesium Sulfate, Sodium PCA, Phenoxyethanol, Retinyl Palmitate, Methylparaben, Propylene Glycol, Ethylparaben, Lupinus Albus Seed Extract, Carbomer, Panax Ginseng Root Extract, Morus Alba Leaf Extract, Tocopherol, Palmitoyl Oligopeptide, Palmitoyl Tetrapeptide-7.

 photo No7PampP04.jpg
Boots No7 : Protect & Perfect Day Cream SPF15 (50ml / 850THB)

มอยซ์เจอไรเซอร์ผสมสารกันแดด SPF 15 ตัวนี้ใช้สารกันแดดชนิด Chemical ล้วน โดยใช้ Butyl Methoxydibenzoylmethane หรือ Avobenzone เป็นสารกรองรังสี UVA หลัก มี Bis-Ethylhexyloxyphenol Methoxyphenyl Triazine และ Octocrylene ช่วยเสริมความเสถียรให้ Avobnzone โดยรวมแล้วค่า SPF15 ถือเป็นมาตรฐานต่ำสุดที่แนะนำกันมานาน ซึ่งโอเคถ้าเราอยู่ในบ้านไม่ได้ออกไปไหน แต่สำหรับในประเทศไทยปูเป้มองว่าค่า SPF น่าจะเริ่มต้นที่ 30 ขึ้นไปจะดีกว่าหากจะออกไปข้างนอกด้วย (ไม่นับอีกว่า เราคงไม่ทาครีมปริมาณ 1.5 มิลลิตรทั่วหน้าเพื่อให้ได้ค่า SPF ตามที่ระบุ เพราะมันคงหนักไป) สำหรับค่าป้องกันรังสี UVA ที่ได้ถึง 5 ดาวนั้นก็ถือว่าสูงไม่น้อยสำหรับค่า SPF เท่านี้ แต่ต้องบอกว่าที่อังกฤษ Boots มีระบบแสดงผลค่ากัน UVA ของตัวเอง เพราะว่าบนโลกนี้ยังไม่มีมาตรฐานสากลสำหรับการทดสอบและระบุค่าป้องกันรังสี UVA ซึ่งโดยส่วนตัวปูเป้มักจะอิงไปทาง PPD มากกว่าล่ะ เพราะว่ามันเห็นตัวเลขที่ชัดเจนกว่า

นอกจากนั้นก็เป็นสารสกัด วิตามิน และเปปไทด์ที่คล้ายกับในเเซรั่มแต่จะมีปริมาณน้อยกว่า ไม่มีส่วนผสมของวิตามินเอแต่เพิ่มสารแอนติออกซิแดนท์มาหลากหลายมากขึ้น (เพราะตามหลักแล้วเซรั่มควรมีสาร Active มากสุด และสารกันแดดก็จะกินพื้นที่ + ต้นทุนของผลิตภัณฑ์ไปส่วนหนึ่งอยู่แล้ว)

 photo No7PampP05.jpg
เนื้อครีมสีขาวทึบแต่เกลี่ยวแล้วก็ไม่ทำให้ผิวดูขาวหรือวอกขึ้น ให้ความชุ่มชื้นปานกลางและมีเนื้อที่เหมาะกับผิวธรรมดาค่อนไปทางผสม ออกไปทางแห้งหน่อย ๆ ส่วนตัวปูเป้เลือกที่จะทาตัวนี้เฉพาะเวลาที่อยู่บ้าน หรือวันที่จะใช้กันแดดที่เซ็ทตัวแบบแห้งหน่อยเท่านั้น เพราะว่าถ้าต้องทากันแดดเนื้อโลชั่นที่ปกติใช้อยู่หน้าจะมันเร็วไปหน่อย

สิ่งที่รู้สึกผิดหวังนิดนึงก็คือการผสมน้ำหอมและส่วนตัวรู้สึกว่ากลิ่นค่อนข้างแน่นไปนิดนึง (เป็นกลิ่นแนวที่เราไม่ชอบด้วยแหล่ะ) น่าเสียดายทีเดียวเพราะตัวเซรั่มนั้นเป็นสูตร Fragrance-Free นะ นอกจากนี้การใช้บรรจุภัณฑ์แบบกระปุกก็เป็นอะไรที่ไม่ค่อยสะดวกเหมือนขวดปั้มหรือหลอดบีบ ยังมีปัญหาเรื่องความสะอาดหลังเปิดใช้และไม่เป็นมิตรกับวิตามินที่ผสมมาด้วย

ส่วนตัวปูเป้มองว่าตัวนี้้มีข้อดีและข้อเสียคละกันไป ทำให้คามรู้สึกโดยรวมรู้สึกว่าออกจะธรรมดาไปนิดนึง ถ้าสามารถปรับให้ค่า SPF ที่สูงขึ้นสำหรับประเทศแถบเอเชียใกล้เส้นศูนย์สูตรอย่างเมืองไทย เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ซะหน่อย และทำรุ่น Fragrance-Free ขึ้นมาก็น่าจเป็นตัวเลือกของมอยซ์เจอไรเซอร์สำหรับตอนกลางวันที่น่าสนใจทีเดียวสำหรับผิวธรรมดา ถึงผิวผสมไปทางแห้ง

Ingredients : Aqua (Water), Glycerin, C12-15 Alkyl Benzoate, Octocrylene, Butyl Methoxydibenzoylmethane, Dimethicone, Cetearyl Glucoside, Aluminum Starch Octenylsuccinate, Ethylhexyl Salicylate, C18-36 Acid Glycol Ester, Ammonium Acryloyldimethyltaurate/VP Copolymer, Phenoxyethanol, Alcohol Denat., Bis-Ethylhexyloxyphenol Methoxyphenyl Triazine, Cetearyl Alcohol, Potassium Cetyl Phosphate, Dimethiconol, Butylene Glycol, Methylparaben, Parfum (Fragrance), Xanthan Gum, Diethylhexyl Butamido Triazone, Ethylparaben, Dipropylene Glycol, Retinyl Palmitate, Ascorbyl Glucoside, Tetrasodium EDTA, T-Butyl Alcohol, Lupinus Albus Extract, Carbomer, Phyllanthus Emblica Fruit Extract, Dimethylmethoxy Chromanol, Polysorbate 20, Potassium Hydroxide, Gingko Biloba Extract, Simethicone, Ethylhexylglycerin, Tocopherol, Palmitoyl Oligopeptide, Palmitoyl Tetrapeptide-7.

 photo No7PampP06.jpg
โดยภาพรวมแล้ว Boots No7 Protect & Perfect เป็นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการชะลอการเกิดริ้วรอยและสามารถใช้ได้ตั้งแต่อายุ 20 ปีเป็นต้นไป (อายุน้อยกว่านั้น เน้นกันแดดและแอนติออกซิแดนท์เยอะ ๆ ก็พอ) เซรั่มสามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว ส่วนครีมเหมาะสำหรับผิวธรรมดาค่อนไปทางผสมถึงแห้ง

ความเห็นเพิ่มเติมจากมุมมองส่วนตัว รู้สึกว่า Boots No7 Protect & Perfect อาจจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นกระแสในช่วงที่เริ่มวางจำหน่ายเป็นครั้งแรกอาจเป็นเพราะยังมีเครื่องสำอางไม่กี่ชิ้นที่ตีพิมพ์การศึกษาออกมาสู่สาธารณะ รวมถึงส่วนผสมเปปไทด์ยังเป็นอะไรที่ใหม่และบูมในช่วงนั้น แต่ปัจจุบันมีการเทคโนโลยีเกี่ยวกับสกินแคร์ใหม่ ๆ ออกมาแข่งกันกันสูงมาก ทำให้ผลิตภัณฑ์ตัวนี้แม้จะเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป (เมื่อคิดถึงโปรโมชั่น) แต่ก็ไม่ได้ฉายแววเด่นออกมาที่สุดในตลาดปัจจุบันนี้ อาจจะใกล้ถึงเวลาที่ Boots จะพิจารณาในการปรับสูตรเพื่อใช้เทคโนโลยีหรือแนวคิดล่าสุดด้านสกินแคร์มาทำให้เราร้องว้าวได้อีกครั้ง

 photo No7PPIStudy.jpg
สำหรับใครมีความกังวลเรื่องริ้วรอยและสนใจผลิตภัณฑ์ตัวนี้จริง ๆ ปูเป้ก็อยากแนะนำให้ลองมองเป็นรุ่น Perfect & Protect Intense ที่มีส่วนผสมของสาร Anti-Aging ที่หลากหลายกว่า รวมถึงการศึกษาที่ทาง Boots ตีพิมพ์ออกมานั้นก็ใช้แบบ Double-Blind Placebo ในกลุ่มทดสอบระยะเวลา 12 เดือน ซึ่งดูน่าเชื่อถือทีเดียว (และถ้าจำไม่ผิด ราคาก็ไม่ได้ต่างกันนัก)

(Source : A cosmetic ‘anti-ageing’ product improves photoaged skin: a double-blind, randomized controlled trial)

สำหรับคำถามว่า “จะแพ้มั้ย” “ใช้แล้วอุดตันรึเปล่า?” เป็นคำตอบที่ปูเป้บอกไม่ได้ครับ อาการแพ้เป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปในทุก ๆ คน สำหรับการอุดตันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวโดยรวมของแต่ละคนเอง นอกจากนี้คนเรายังไวต่อการอุดตันของสารแต่ละตัวไม่เหมือนกันด้วย ดังนั้นก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตาม ควรทดสอบและทดลองใช้ก่อนทุกครั้ง

ข้อดี

– มีการศึกษาและตีพิมพ์ถึงประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์
– สาร Active รวม 6% ซี่งก็ถือว่าน่าพอใจสำหรับราคาระดับนี้
– บรรจุภัณฑ์หลอดบีบทึบแสง ใช้ง่าย สะอาด (สำหรับเซรั่ม)
– เหมาะกับทุกสภาพผิวที่มีปัญหาริ้วรอยแรกเริ่มหรือต้องการชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย
– อ่อนโยน ปราศจากน้ำหอม (เซรั่ม)
– ราคาสมเหตุผล มีโปรโมชั่นบ่อยครั้ง

ข้อเสีย

– การศึกษามีการสนับสนุนจากผู้ผลิตสินค้า และจำนวนผู้ทดสอบมีจำนวนไม่มาก
– มีส่วนผสมของน้ำหอม (ครีม)
– บรรจุภัณฑ์แบบกระปุก (ครีม)

***Sponsored Item***

– Boots No7 : Protect & Perfect Serum
– Boots No7 : Protect & Perfect Day Cream SPF15