Neutrogena เป็นแบรนด์ที่มีตัวเลือกของผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าเยอะมาก และเขาก็เป็นแบรนด์แรก ๆ ที่เราลองใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่เกี่ยวกับสิวในช่วงวัยรุ่นด้วย เมื่อหลายปีก่อนปูเป้ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Deep Clean ตัว Hydrating Bamboo ที่เปลี่ยนความคิดของปูเป้ที่มีต่อโฟมล้างหน้าแบบ soap base ไปเลยเพราะใช้ตัวนั้แล้วรู้สึกว่าผิวสะอาดแต่ไม่แห้ง คราวนี้เขาเลยอยากให้ปุเป้ได้ทดลองผลิตภัณฑ์ Deep Clean ที่เคลมว่าช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้นจากการใช้อย่างต่อเนื่องกัน

เขาบอกว่าจากการเก็บข้อมูลกลุ่มผู้บริโภคปรากฏว่าโดยทั่วไปคนเราจะเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าทุก 3 เดือนเพราะไม่ได้คิดว่าการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดตัวเดิมอย่างต่อเนื่องจะมีผลระยะยาวกับผิว โดยส่วนตัวเป็นคนที่เปลี่ยนผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดค่อนข้างบ่อยเพราะว่าอยากจะลองของใหม่ ๆ และก็มีของใหม่ ๆ มาให้ลองเรื่อย ๆ แต่ก็จะมีตัวที่เราชอบเก็บไว้ในใจเอาไว้เวลาคิดอะไรไม่ออกก็หยิบตัวนั้นมาใช้

โดยส่วนตัวก็ไม่ค่อยจะอินอะไรกับกับคำเคลมที่มากไปกว่าการทำความสะอาดเท่าไหร่ ถามว่าพวกสารบำรุงที่บอกว่าใส่มาจะช่วยลดสิว ลดริ้วรอย ปรับผิวกระจ่างใส มันจะมีผลกับผิวเราแค่ไหนในเมื่อมันอยู่บนผิวเราน้อยกว่า 30 วินาทีซะอีก แต่เมื่อปีที่แล้วเราได้อ่านบทความที่มีการทดสอบและยืนยันว่าส่วนผสมที่อยู่ในผลิตภัณฑ์ล้างหน้าเพื่อลดสิวอย่าง Salicylic Acid สามารถที่จะอยู่บนผิวหลังจากล้างออกได้นะแต่การที่มันจะติดอยู่บนผิวได้ดีนั้นก็ต้องพึ่งส่วนผสมบางตัวเข้าไปเสริมด้วย ทำให้เรามองเห็นความเป็นไปได้ของผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่จะส่งผ่านประโยชน์ของสารบำรุงเข้าสู่ผิว แต่ก็ต้องหาวิธีการยืนยันให้ได้ก่อนอีกอยู่ดีนั่นแหล่ะ

(Source : In vivo Delivery Confirmation: Measuring the Deposition of Salicylic Acid from Anti-acne Face Wash)

มาคราวนี้เขาอยากให้เราทดลองกับตัวเองว่าใน 7 วันกับการใช้โฟมล้างหน้าของ Neutrogena จะให้ผลกับผิวที่เปลี่ยนไปหรือไม่และก็ได้ผลออกมาตามที่เราจะมารีวิวให้อ่านกันด้านล่างนี้นี่เอง หรือใครอยากดูเป็นรูปแบบวีดีโอก็สามารถจิ้มดูข้างบนได้เลยจ้า

 

Product’s Formula

ผลิตภัณฑ์ Neutrogena : Deep Clean Brightening Foaming Cleanser (40g = 78 Baht / 100g = 189 Baht / 175g = 249 Baht) เป็นโฟมล้างหน้าแบบ Soap Base อันประกอบไปด้วยกรดไขมันต่าง ๆ มารวมเข้ากับเบส โดยการใช้สัดส่วนของกรดไขมันแต่ละชนิดมีผลต่อคุณสมบัติในการทำความสะอาด ปริมาณและลักษณะของฟองที่ได้ ส่วนผสมเสริมก็จะมี Glycerin เพื่อช่วยชดเชยความชุ่มชื่น  Beeswax เป็นส่วนผสมที่เราไม่ค่อยจะเจอในโฟมล้างหน้าแบรนด์อื่นสักเท่าไหร่ แต่เราเชื่อว่าตัวนี้มันจะเคลือบผิวเอาไว้บาง ๆ หลังจากที่ล้างออกไป

ในส่วนของส่วนผสมของสารบำรุงที่เคลมเอาไว้ก็จะตามด้านล่างนี้

Morus Alba Root Extract หรือสารสกัดจากรากของต้นหม่อนที่ช่วยยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase ที่ทำให้เกิดเม็ดสีเมลานิน สารสกัดตัวนี้เป็นไวท์เทนนิ่งที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย

(Source : A new source of whitening agent from a Thai Mulberry plant and its betulinic acid quantitation.)

Ascorbyl Glucoside อนุพันธ์วิตามินซีเสถียรถูกใช้ในผลิตภัณฑ์ไวท์เทนนิ่งอย่างกว้างขวาง แต่ปริมาณที่แนะนำโดยผู้ผลิตคือ 2% ขึ้นไป ซึ่งในโฟมล้างหน้าไม่น่าจะใส่มาถึง

Tocopherol Acetate วิตามินอี ส่วนใหญ่จะใส่มาเพื่อกันหืนให้กับสูตรของผลิตภัณฑ์

Camellia Sinensis Leaf Extract สารสกัดจากใบชามีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ

Ascorbic Acid เป็นวิตามินซีรูปแบบมาตรฐาน คาดว่าใส่มาเพื่อรักษาตัวผลิตภัณฑ์ เพราะวิตามินซีรูปแบบนี้จะดูดซึมเข้าผิวได้ดีต้องใช้ค่า pH 3.5 ลงไป

Panthinoic Acid หรือ Vitamin B5 ปกติจะเจอเป็นรูปแบบของ Panthenol หรือ Provitamin B5 ที่จะเสถียรกว่า ซึ่งช่วยเรื่องความชุ่มชื่นและผิวที่แข็งแรง

(Source : Topical use of dexpanthenol in skin disorders.)

ส่วนผสมของสารบำรุงที่ใส่มานั้นมีประโยชน์ในเรื่องของการช่วยลดปัญหาเรื่องผิวหมองคล้ำและมีส่วนช่วยเรื่องความชุ่มชื่นด้วยแต่การศึกษาเกี่ยวกับคุณสมบัติเหล่านั้นจะอยู่ในสูตรผลิตภัณฑ์ที่ทาทิ้งไว้บนผิวและในความเข้มข้นที่มากกว่าในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า

Ingredients : Water, Stearic Acid, Glycerin, PEG-8, Propylene Glycol, Myristic Acid, Potassium Hydroxide, Lauric Acid, Beeswax, Glyceryl Stearate, PEG-100 Stearate, Fragrance, Ascorbyl Glucoside, Polymathy Methacrylate, Methylisothaizolinone, Butylene Glycol, Tocopherol Acetate, CI 47005, Camellia Sinensis Leaf Extract, CI 17200, Morus Alba Root Extract, Ascorbic Acid, Pantothenic Acid, Retinyl Palmitate, Sodium Benzoate, lactic Acid, Potassium Sorbate.

Usage & Result

เนื้อโฟมมีสีชมพูอ่อน ๆ และมีกลิ่นออกแนวเบอรี่เปรี้ยวๆ หอมสดชื่นและเป็นกลิ่นที่เราชอบ เนื้อโฟมกระจายตัวเข้ากับน้ำได้ง่ายและก่อฟองได้ดี และเมื่อใช้กับตาข่ายตีฟองจะได้ฟองโฟมที่นุ่มแน่นเหมือนโฟมโกนหนวดซึ่งเหมาะที่จะใช้หลังจากล้างเครื่องสำอางด้วย Cleansing Oil เพื่อช่วยดึงคราบน้ำมันหรือคราบเมคอัพที่หลงเหลือจากการทำความสะอาดเครื่องสำอางให้ออกมาได้จากอนูฟองที่ละเอียดมาก

ไม่นับว่าการตีฟองจะช่วยกระจายสารทำความสะอาดได้ดีกว่า ช่วยลดปัญหาเรื่องความแห้งกร้านหลังล้างหน้าลงได้มากกว่าการไม่ตีฟอง และยังทำให้ล้างฟองออกง่ายกว่าด้วย ดังนั้นเราจึงสนับสนุนให้ทุกคนตีฟองหนา ๆ แบบในรูปหากคิดจะใช้โฟมล้างหน้าที่เป็น Soap Base เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดนั่นเอง (ในรูปด้านบนคือการใช้โฟมในปริมาณเท่ากันผสมกับน้ำ ตีด้วยมือเปล่า เทียบกับการใช้ตาข่ายตีฟองในเวลา 7 วินาทีเท่ากัน จะเห็นว่าคุณภาพ ปริมาณ ความละเอียดและความแน่นของฟองโฟมที่ได้นั้นต่างกันมาก)

สำหรับผลหลังการใช้นั้น ตัวโฟมสามารถดึงความมันออกจากผิวได้ดีถึงดีมาก ความรู้สึกหลังล้างคือเอี๊ยดแต่ไม่แห้งเท่าไหร่  สำหรับผลหลังการใช้ต่อเนื่อง 7 วันว่าช่วยเรื่องความกระจ่างใสของผิวได้แค่ไหนปูเป้มีรูปมาให้ดูเทียบกันเองจ้า

 

ก่อนที่จะทดลองใช้โฟมตัวนี้ ปูเป้ทำ Wash—off Period หยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารไวท์เทนนิ่งทุกชนิดเป็นเวลา 10 วัน โดยจะใช้เพียงโฟมล้างหน้าสูตรเบสิค โลชั่นน้ำ เซรั่ม และครีมบำรุงผิวที่ช่วยเรื่องความชุ่มชื่นอย่างเดียวเท่านั้น กันแดดที่ใช้เป็นสูตรสำหรับเด็กที่ไม่มีสารบำรุงอะไรเลย เพื่อเว้นระยะไม่ให้มีผลกับผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่กำลังจะทดลองใช้ โดยในระหว่างการทดลองใช้โฟมล้างหน้าปูเป้ก็จะใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวชนิดเดิมในช่วง 10 วันที่หยุดใช้ผลิตภัณฑ์ไวท์เทนนิ่งเพื่อคุมตัวแปรในเรื่องของสิ่งที่เข้ามาอยู่บนผิว  ปูเป้จะใช้โฟมล้างหน้าอย่างต่ำวันละ 2 ครั้ง โดยจะมีครั้งที่ 3 เฉพาะในวันที่ไปออกกำลังกายในฟิตเนส

การถ่ายรูปใช้ค่า White Balance และการตั้งกล้องแบบเดียวกันในแสงห้องเดิมตอนกลางคืน มุมถ่ายภาพพยายามให้ใกล้เคียงกันแต่ก็ยังคุมตรงนี้ได้ไม่ดีพอนัก จะเห็นในเรื่องของแสงเงาที่เพี้ยนไปบ้างในแต่ละรูป

ผลที่ได้หลังจากการใช้ 7 วัน ปูเป้สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย เรื่องสีผิวยังไม่เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน โทนสีผิวในบางวันจะมีโทนแดงที่ชัดกว่าวันอื่น สาเหตุน่าจะมาจากในวันนั้นเป็นวันที่ปูเป้ไปออกกำลังกายในฟิตเนส ส่วนวันที่ไม่ได้ไปโทนแดงของผิวในวันนั้นจะน้อยลงและทำให้โทนผิวดูสว่างกว่าวันอื่น ซึ่งส่วนตัวคิดว่าเวลา 7 วันเป็นอะไรที่น้อยเกินไปในการที่จะเห็นผลจากผลิตภัณฑ์ที่เคลมเรื่องไวท์เทนนิ่งอยู่แล้ว แต่ก็เข้าใจว่าตัวเลขนี้ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อกระตุ้นความสนใจของผู้บริโภคในเชิงของการตลาด อย่างไรก็ดีเราคิดว่าตัวนี้น่าจะถูกใจคนที่ชอบโฟมล้างหน้าที่มอบเนื้อฟองโฟมนุ่มนวล แน่น เนียนละเอียด แถมยังมีกลิ่นหอมกลิ่นเบอรี่ที่ให้ความรู้สึกดีทีเดียว

การใช้โดยรวมรู้สึกว่าผิวเริ่มแห้งลงเล็กน้อยเนื่องจากปกติเป็นคนที่ผิวขาดน้ำได้ง่าย นอนดึก วันที่ไปออกกำลังกายก็จะล้างหน้าเพิ่มขึ้นอีกวันละ 1 ครั้ง และยังมีการเข้าห้องสตีมและซาวน่าเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อซึ่งความร้อนเหล่านั้นส่งผลทำให้ผิวเสียความชุ่มชื่นได้มากกว่าเดิมอยู่แล้ว ดังนั้นโดยส่วนตัวจึงคิดว่าจากไลฟ์สไตล์ของตัวเองต้องการผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เน้นเรื่องการคงหรือเพิ่มความชุ่มชื้นมากกว่าเรื่องของความกระจ่างใส (หรือจะเพิ่มความกระจ่างใสก็ได้แต่ต้องเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิวมากกว่านี้ด้วย)

Conclusion

โดยสรุปแล้ว Neutrogena : Deep Clean Brightening Foaming Cleanser เป็นโฟมล้างหน้าสไตล์เอเชียนที่เชื่อว่าหลายคนน่าจะชอบความรู้สึกเหมือนล้างแล้วสะอาดหมดจดไร้ความมันตกค้าง กลิ่นเบอรี่หอมเข้าถึงง่าย ให้ฟองที่นุ่มแน่นและล้างออกง่าย เหมาะกับผิวธรรมดาค่อนไปทางผิวมัน ผิวที่แห้งหรือขาดน้ำได้ง่ายจะเหมาะกับสูตรที่เน้นความชุ่มชื่นมากกว่านี้  สำหรับผลเรื่องการให้ความกระจ่างใสปูเป้ไม่เห็นความแตกต่างที่ชัดเจนจนรู้สึกได้ในระยะเวลาที่เขากำหนดให้ทดลอง 7 วัน หากมีการควมคุมตัวแปรที่ดีกว่านี้ทั้งในแง่ของกิจกรรมในแต่ละวันที่ต้องเหมือนกันทุกอย่าง และการถ่ายรูปก่อนหลังในสภาวะและมุมที่คงที่กว่านี้ หรือให้ระยะเวลาในการทดลองใช้นานกว่านี้ ก็อาจจะมีข้อมูลอะไรที่ชัดเจนขึ้น

ความเห็นส่วนตัวของเราคือเราอยากให้สูตรมอบความชุ่มชื่นที่มากขึ้น หลายครั้งที่ตัวผลิตภัณฑ์ที่ให้ผลเรื่องความชุ่มชื่นและความกระจ่างใสจะถูกแยกออกจากกันซึ่งเราคิดว่าบางทีคนที่กังวลเรื่องความชุ่มชื่นก็อยากจะได้อะไรในแง่อื่นไปพร้อมกันบ้าง ส่วนตัวเราชอบความรู้สึกหลังล้างหน้าของผลิตภัณฑ์แบบ Soap-Free มากกว่าแต่ก็ชอบสัมผัสของฟองนุ่มแน่นของผลิตภัณฑ์แบบ Soap Base มันคงจะเจ๋งมากถ้าทาง Neutrogena สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์แบบที่เราต้องการมาได้ ยังไงแอบฝาก R&D ไปพิจารณานะฮะ

ใครที่สนใจ ตอนนี้ผลิตภัณฑ์มีวางจำหน่ายแล้วในขนาดที่หลากหลายตาม  7-11  กับ Watsons หรือ TOPS หรือ Tesco Lotus และร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศจ้า

สำหรับคำถามว่า “จะแพ้มั้ย” “ใช้แล้วอุดตันรึเปล่า?” เป็นคำตอบที่ปูเป้บอกไม่ได้ครับ อาการแพ้เป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปในทุก ๆ คน สำหรับการอุดตันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวโดยรวมของแต่ละคนเอง นอกจากนี้คนเรายังไวต่อการอุดตันของสารแต่ละตัวไม่เหมือนกันด้วย ดังนั้นก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตาม ควรทดสอบและทดลองใช้ก่อนทุกครั้ง

 ***Sponsored Item***

– Neutrogena : Deep Clean Brightening Foaming Cleanser

Neutrogena : Deep Clean Brightening Foaming Cleanser
*คะแนนดาวเรทติ้งจะแสดงผลไม่ถูกต้องหากเปิดอ่านบทความนี้จาก Smart Phones / Tablets*
FORMULA
GENTLENESS
SENSORY
RESULT
PUPE LOVE IT
PROS
  • ฟองโฟมนุ่มแน่นและล้างออกง่าย กลิ่นหอมสดชื่น
  • ทำความสะอาดคราบมันตกค้างได้ดี
CONS
  • มีส่วนผสมของสีและน้ำหอม
  • ยังมอบความชุ่มชื่นไม่มากพอสำหรับตัวเองที่เป็นผิวขาดน้ำง่าย
3.2Overall Score