สิวเสี้ยนบริเวณจมูกเป็นหนึ่งปัญหาที่เชื่อว่าทุกคนต้องพบเจอ แม้แต่คนที่มีผิวแห้งก็ยังมีสิวเสี้ยนกันได้ ที่สำคัญคือปัจจุบันยังไม่มีทางขจัดสิวเสี้ยนให้หายขาดไปแล้วลาลับไม่กลับมาซะด้วยสิ…

การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติผลัดเซลล์ผิวอย่าง Salicylic Acid (BHA) หรือการใช้ยากลุ่มกรดวิตามินเอนั้นอาจช่วยลดปัญหาสิวเสี้ยนได้ในบางคน แต่สำหรับบางคน (อย่างตัวปูเป้เอง) ทั้งสองอย่างนี้แค่ช่วยชะลอการเกิดสิวเสี้ยนเท่านั้น แต่ไมได้ช่วยทำให้มันหายไปแต่อย่างใด หนึ่งในวิธีการจัดการกับสิวเสี้ยนแบบเห็นผลชัดเจนที่สุดคงจะหนีไม่พ้น “แผ่นลอกสิวเสี้ยน” หรือ Pore-Strip นั่นเอง

ปัจจจุบันมีผลิตภัณฑ์ลอกสิวเสี้ยนวางจำหน่ายอยู่มากมาย ซึ่งแต่ละยี่ห้อก็มีการนำเสนอจุดขายที่ต่างกัน บ้างก็นำเสนอกลิ่นที่หอมถูกใจ บ้างก็นพเสนอผลิตภัณฑ์หลายขั้นตอนเพื่อช่วยให้การดึงสิวเสี้ยนออกมาได้เยอะขึ้น ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่นำมารีวิวในวันนี้ก็นำเสนอ 2 ขั้นตอนที่ต่างจากยี่ห้ออื่นหน่อย ตรงที่ไม่ได้ไม่ได้มุ่งเน้นไปที่การลอกสิวเสี้ยนอย่างเดียว แต่เป็นการดูแลผิวหลังการลอกสิวเสี้ยนอีกด้วย

Leader Insolution : Pore Clinic Care 2 Step Kit (10 Pore Strip Sheet + 10ml. Serum / 495 THB) เป็นแบรนด์จากเกาหลีซึ่งมีวางจำหน่ายในร้าน Watson ทั่วประเทศ ในกล่องจะมีแผ่นลอกสิวเสี้ยน Black Head Clinic Sheet จำนวน 10 แผ่น และ Pore Tightening Serum 1 หลอด เอาไว้สำหรับทาผิวหลังลอกสิวเสี้ยนเสร็จแล้ว

ในส่วนของ Black Head Clinic Sheet นั้นมีลักษณะคล้ายกับแผ่นลอกสิวเสี้ยนสำเร็จรูปทั่วไป ที่ประกอบไปด้วยแผ่นผ้าและส่วนของสารที่มีลักษณะคล้ายกาวที่ใช้ดูดและจับสิวเสี้ยนอันประกอบไปด้วยสารก่อฟิลม์และผงแป้งหรือผงโคลนที่ช่วยดูดซับน้ำมันและสิ่งสกปรกได้ดียิ่งขึ้น ทางแบรนด์เคลมว่าผงโคลนลาวาจากโมรอคโคจะช่วยดูดซับน้ำมันได้มากกว่าผงถ่านถึง 4 เท่าด้วย ที่เหลือก็เป็นพวก Actives ที่ใส่มาเป้นจุดขายซึ่งจะเน้นไปในทางด้านการลดการระคายเคืองเป็นหลัก

ขนาดของแผ่นลอกดูเล็กกว่ายี่ห้ออื่นที่เคยใช้เล็กน้อย ตัวแผ่นลอกสิวเสี้ยนไม่มีการบากเป็นร่องเอาไว้ ทำให้เวลาแปะลงบนจมูกที่มีส่วนโค้งมาก ๆ อย่างบริเวณปลายจมูกทำได้ไม่แนบสนิทนัก ถ้าปรับปรุงให้มีรอยบากตรงมุมมาส์กมาให้น่าจะทำให้การแปะแผ่นมาส์กทำได้สะดวกและแนบสนิทมากกว่านี้ การลอกมาส์กหลังทิ้งเอาไว้ 10 – 15 นาทีก็ทำได้ไม่ยากและไม่เจ็บมากนัก

ประสิทธิภาพในการลอกสิวเสี้ยนถือว่าใช้ได้ สิวเสี้ยนส่วนใหญ่หลุดติดออกมากับแผ่นลอก มีส่วนน้อยและในจุดที่เป็นซอก ๆ ที่รีดแผ่นมาส์คไม่สนิทก็จะลอกออกมาไม่ได้ เวลาลอกสิวเสี้ยนถ้าใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นประคบสัก 3 – 5 นาทีเพื่อเปิดรูขุมขนก่อนจะปิดแผ่นมาส์คจะช่วยให้ลอกออกมาได้มากขึ้น

Ingredients : VP/VA Copolymer, Water, Silica, Dimethicone, Moroccan Lava Clay, Polysorbate 60, Melaleuca Altenifolia (Tea Tree) Leaf Oil, Titanium Dioxide (Cl 77891), Sorbitan Sesquioleate, Iron Oxides (Cl 77499), Hamamelis Virginiana (Witch Hazel) Extract, Aloe Barbadensis Leaf Juice, Dipotassium Glycyrrhizate, Tocopheryl Acetate.

การลอกสิวเสี้ยนนั้นถือเป็นการทำความสะอาดรูขุมขน ลดการอุดตัน ตามหลักแล้วน่าจะทำให้รูขุมขนเรากระชับขึ้น (เพราะมันไม่มีสิ่งอุดตันแล้ว) แต่การระคายเคืองจากการลอกมาส์กนั้นสามารถก่อการระคายเคือง การอักเสบซึ่งทำให้รูขุมขนกว้างขึ้นได้ ดังนั้นการเว้นระยะในการลอกสิวเสี้ยนซะบ้าง และการลดการระคายเคืองหลังลอกสิวเสี้ยนจึงเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญทีเดียว

ในชุดคิทนี้จึงมี Pore Tightening Serum ที่เอาไว้ใช้ทาหลังจากลอกสิวเสี้ยน และเช็ดทำความสะอาดผิวจนสะอาดแล้ว ส่วนผสมสำคัญจะเน้นสารที่ให้ความชุ่มชื้นอย่าง Glycerin + Betaine + Sugar Maple และใช้ Portulaca Oleracea Extract เป็นตัวลดการอักเสบ และสารสกัดจากพืชที่มีคุณสมบัติในการลดแบคทีเรีย

ส่วนผสมที่น่าสนใจคือ symcalmin® (Butylene Glycol, Pentylene Glycol, Hydroxyphenyl Propamidobenzoic Acid) ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ที่เลียนแบบการทำงานของสาร Avenanthramides จากข้าวโอ๊ตในการต้านฮิสตามีน เพื่อลดอาการคัน การระคายเคือง และการอักเสบของผิว

เนื้อเซรั่มบางเบาและค่อนข้างเหลว ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอมและสี หลังจากทาไปประมาณสัก 5-10 นาที จะค่อย ๆ รู้สึกว่าอาการคัน ระคายเคือง และรอยแดงบริเวณที่ลอกสิวเสี้ยนจะลดลงเรื่อย ๆ ปริมาณเซรั่ม 10 มิลลิลิตรนั้นใช้ได้มากกว่า 10 ครั้งอย่างแน่นอน ดังนั้นหลังจากลอกสิวเสี้ยนไปแล้ว หากยังรู้สึกถึงการระคายเคืองก็สามารถที่จะใช้เพิ่มได้ตามความต้องการ

Ingredients : Water, Polymethyl Methacrylate, Glycerin, Alcohol Denat, Cyclomethicone, Dimethicone/Vinyl Dimethicone Crosspolymer, Betaine, Ethylhexyl lsononanoate, Portulaca Oleracea Extract, Acer Saccharum (Sugar Maple) Extract, Polyisobutene, Polysorbate 20, Polysorbate 80, PEG-10 Dimethicone, Caprylyl Glycol, Ethylhexylglycerin, Butylene Glycol, Caesalpinia Sappan Bark Extract, Magnolia Obovata Bark Extract, Rhus Semialata Gall Extract, Terminalia Chebula Fruit Extract, Argania Spinosa Kernel Extract, Hydroxyphenyl Propamidobenzolc Acid, Pentylene Glycol, Serenoa Serrulata Fruit Extract, Sesamum Indicum (Sesame) Seed Extract, Disodium EDTA, Polyacrylate-13.

โดยรวมแล้ว Leader Insolution : Pore Clinic Care 2 Step Kit ถือเป็นผลิตภัณฑ์ดูแลปัญหาสิวเสี้ยนที่น่าสนใจ แม้ตัว Black Head Clinic Sheet จะไมได้โดดเด่นกว่าแผ่นลอกสิวเสี้ยนอื่น ๆ ที่เคยใช้ แต่ปูเป้ชอบตรงที่เขาเพิ่มขั้นตอน ของPore Tightening Serum มาให้ดูแลผิวหลังจากการลอกสิวเสี้ยน ซึ่งถือเป็นคอนเซปต์ที่น่าสนใจ แถมตัวเซรั่มก็ใช้ได้ผลดีตามที่ออกแบบเอาไว้

ส่วนตัวคิดว่าหากมี Step เพิ่มเติมมาอีก 1 ขั้นตอน เป็นการนวดหรือเตรียมผิวให้ไขมันอุดตันมีการอ่อนตัวหรือหลวมตัวก่อนการลอกสิวเสี้ยน เพื่อให้การลอกสิวเสี้ยนนั้นลอกออกได้มากขึ้น และหากตัวแผ่นลอกสิวเสี้ยนมีการบากรอยเพื่อให้ปิดทับส่วนโค้งของจมูกได้แนบสนิทกว่านี้ น่าจะทำให้ผลิตภัณฑ์มีความสมบูรณ์มากขึ้น

สำหรับคำถามว่า “จะแพ้มั้ย” “ใช้แล้วอุดตันรึเปล่า?” เป็นคำตอบที่ปูเป้บอกไม่ได้ครับ อาการแพ้เป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปในทุก ๆ คน สำหรับการอุดตันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวโดยรวมของแต่ละคนเอง นอกจากนี้คนเรายังไวต่อการอุดตันของสารแต่ละตัวไม่เหมือนกันด้วย ดังนั้นก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตาม ควรทดสอบและทดลองใช้ก่อนทุกครั้ง

ข้อดี

– คอนเซปต์การเพิ่มขั้นตอนดูแลผิวหลังลอกสิวเสี้ยน
– เซรั่มมีส่วนผสมที่อ่อนโยน และช่วยลดการระคายเคือง รอยแดง อาการคันหลังลอกมาส์กได้
– หาซื้อได้ไม่ยาก ราคาไม่สูงมากนัก

ข้อเสีย

– แผ่นลอกสิวเสี้ยนไม่มีรอยบาก มีโอกาสทำให้ส่วนปลายจมูกติดแผ่นมาส์กไม่แบสนิทได้

***Sponsored Item***

– Leader Insolution : Pore Clinic Care 2 Step Kit