อยากจะบอกว่าในช่วงปีที่ผ่านมา สิ่งที่เป็นที่จับตาของวงการเครื่องสำอางก็คือส่วนผสมที่ผ่านหมักบ่ม เราเลนตามเทรนด์ด้วยการดองบล็อกบ้างจะได้อินเทรนด์กับเขา (ข้ออ้างล้วน ๆ)

แม้ข้อมูลผลิตภัณฑ์หลายอย่างในบล็อกนี้จะเห็นผ่านตากันไปหมดแล้ว แต่ที่อยากจะเอามาเล่าให้ฟังก็เพราะว่าเราได้ข้อมูลที่น่าสนใจหลายอย่างจากแพทย์ผิวหนังที่มีชื่อเสียงจาก 3 ทวีปมาฝากด้วยล่ะ

 photo Kiehls Korea Trip 01.png
เมื่อปลายปีที่แล้ว Kiehl’s ได้จัด Skincare Symposium ที่ประเทศเกาหลี ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่มากของแบรนด์นี้เลยก็ว่าได้ เกาหลีอยากได้อะไร อยากมีผลิตภัณฑ์แบบไหน Kiehl’s ก็จะบันดาลให้ (เพราะว่ายอดขายเขาประเทศเดียวเยอะว่าในแถบ SEA รวมกันอีกมั้ง) ในทริปนี้ปูเป้ไปกับน้องนิน่า แล้วก็พี่ ๆ Beauty Editor ที่คุ้นเคย

 photo Kiehls Korea Trip 02.png
เราไปถึงโรงแรมตอนใกล้เที่ยงแต่ว่าเราจะเช็คอินเข้าห้องพักได้ก็ตั้งบ่ายสามเป็นต้นไป เราจึงไปฆ่าเวลากันที่ย่านสิ้นคิดอย่าง เมียงดง แวะเข้าร้านแบบสุ่ม ๆ เพื่อหม่ำข้าวกลางวัน แต่ที่เราเจาะจงไปกินอย่างตั้งใจก็คือชาและขนมที่ร้าน O’Sulloc นี่แหล่ะ

 photo Kiehls Korea Trip 03.png



พอได้เข้าเช็คอินก็รีบขึ้นห้องเพราะง่วงนอนมาก เรานอนไม่หลับเลยเวลาบินไฟลท์กลางคืน แต่ก็มีสิ่งที่ทำให้เราตื่นเต้นเมื่อเปิดเข้าห้องไปก็คือ Welcome Gift ที่อยู่บนโต๊ะนี่แหล่ะ

 photo Kiehls Korea Trip 04.png
ในชุดก็มีรายละเอียดของงานที่เราจะจ้องเจอในอีก 2 วันข้างหน้า กับซองใส่ Passport ที่ทำจากหนังแท้โดย VIANEL แบรนด์เครื่องหนังชื่อดังจากนิวยอร์ค บัตรลด 20% สำหรับซื้อสินค้า Kiehl’s (ซึ่งเราไม่มีเวลาแวะเลย) กับชุดผลิตภัณฑ์ขนาดเดินทางสำหรับดูแลตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้ากันเลย

 photo Kiehls Korea Trip 05.png
เย็นวันนี้เราไม่อยากไปไหนไกล ก็เลยกินอาหารเย็นที่ห้องอาหารญี่ปุ่นของโรงแรม The Shilla Seoul ซึ่งเมนูที่สั่งมาก็คือข้าวหน้าซีฟู้ดดิบรวม มีสิ่งที่เราเคยกินแล้วเกลียดมันมากก็คือ ไข่หอยเม่น เพราะประสบการณ์ครั้งแรกของเราที่เคยกินสิ่งนี้ในร้านอาหารญี่ปุ่นในกรุงเทพคือรสชาติมันแย่มาก แต่อันที่สั่งมานี้ไข่หอยเม่นมีสีที่สว่างดูสดกว่า ก็เลยลองกินดูอีกครั้ง ปรากฏว่ามันอร่อยมาก หอม มัน ไม่คาว ความสดมีผลมากกับรสชาติของสิ่งนี้จริง ๆ

 photo Kiehls Korea Trip 06.png
ห้องพักของ The Shilla Seoul นั้นหรูหราสมกับเป็นโรงแรมหรูอันดับหนึ่งของเกาหลี

 photo Kiehls Korea Trip 07.png
สำหรับคนที่อยากรู้ว่าเราพกอะไรบ้างเวลามาทริปต่างประเทศก็ตามนี้เลยจ้า ถือคติ “เหลือไว้ดีกว่าขาด” มีหลายชิ้นแต่ส่วนใหญ่เป็นขนาดเดินทาง ซึ่งจะได้มาเป็นของแถมเวลาซื้อของจากเคาน์เตอร์

 photo Kiehls Korea Trip 08.png
วิวจากห้องที่พักเห็น Seoul Tower อยู่ไม่ไกล โรแมนติคมาก (แต่ดันพักคนเดียว)

 photo Kiehls Korea Trip 09.png
หลังจากหลับเต็มอิ่มเราก็เดินทางไปร่วมกิจกรรมของวันนี้เลย ซึ่งตารางแน่นทั้งวันเลยล่ะ


งาน

 photo Kiehls Korea Trip10.png
Kiehl’s Asia Symposium จัดขึ้นในตึกที่เอาไว้จัดนิทรรศการ งานศิลป์ต่าง ๆ ในช่วงแรกนี้เราก็จะได้รับรู้ถึงประวัติความเป็นมาของไลน์ Dermatologist Solutions ซึ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ขายดี และมีมานานกว่า 10 ปี และในปี 2015 นี้จะมีผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจในกลุ่มนี้มาเพิ่มอีกหลายตัวทีเดียว

หลังจากฟังบรรยายในรอบแรกจบและพักกินข้าวกลางวันแล้ว ในช่วงบ่ายเราก็จะได้สัมภาษณ์แพทย์ผิวหนังที่บินมาจากทั้งอเมริกาและยุโรปเพื่องานนี้โดยเฉพาะ เขาเหล่านี้เป็นผู้เชี่ยวชาญที่เป็นที่ปรึกษาให้กับ Kiehl’s ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ขึ้นมา

 photo Kiehls Korea Trip11.png


คนแรกที่เราได้เข้าไปคุยด้วยคือ Dr. Derek Jones คุณหมอประจำอยู่ที่ลอสแองเจลิส มีชื่อเสียงมากในฮอลลีวู้ด และยังได้รับการยอมรับในระดับโลกเกี่ยวกับการเสริมความงามโดยวิธีที่ก่อให้เกิดบาดแผลน้อย (Minimal Invasive Facial Aesthetics)

ข้อมูลที่ได้จากคุณหมอคือ ผู้ที่มาปรึกษาคุณหมอนั้นจำนวนมากละลเลยในเรื่องการป้องกันผิวจากแสงแดด ถึงแม้ว่าพวกเขาเหล่านั้นจะกลัวริ้วรอยและต้องการฟื้นฟูผิวจนมาทำ BOTOX ยิงเลเซอร์ ก็ตาม บางคนไม่ทาคีมกันแดดเลย บางคนทาบ้างไม่ทาบ้าง ไม่มีความสม่ำเสมอ ทั้งที่จริงแล้วการปกป้องผิวจากแสงแดดต้องทำเป็นประจำทุกวัน

ในกรณีผิวโดยแดดทำร้ายจนเกิดอาการไหม้นั้น Dr. Derek แนะนำว่าสามารถใช้ Aspirin หรือ Ibuprofenในการลดการอักเสบของผิวและลดความเจ็บปวดได้

ส่วนทรีตเมนต์ 3 อันดับแรกที่คนไข้นิยมทำมากที่สุดเมื่อมาพบคุณหมอ ได้แก่
1. การฉีด BOTOX
2. การฉีด Filler (Hyaluronic Acid)
3. การทำเลเซอร์

ในปี 2015 นี้ ทางแบรนด์ก็จะมีการปรับสูตรกันแดดใหม่หนึ่งตัวได้แก่ Kiehl’s : Dermatologist Solutions Ultra Light Daily UV Defense SPF50 PA++++

และกันแดดใหม่เอี่ยมอีกหนึ่งตัว Kiehl’s : Dermatologist Solutions Ultra Light Daily UV Defense Mineral Sunscreen SPF50 PA+++ ซึ่งใช้ Titanium Dioxide ล้วนในการป้องกันรังสี UV เจือสีเนื้อจาง ๆ และเซ็ทตัวแบบแมทด้วยล่ะ

 photo Kiehls Korea Trip12.png
คนที่สองคือ Dr.Geoff Genesky ซึ่งเป็นหัวหน้านักเคมีผู้อยู่เบื้องหลังผลิตภัณฑ์ของ Kiehl’s ซึ่งเราก็ถามในเรื่องที่เราสงสัยเช่น ทำไมกันแดดตัวใหม่ถึงใช้แต่ Titanium Dioxide ทำไมถึงไม่มี Zinc Oxide บ้างล่ะ ก็ได้คำตอบว่า Zinc Oxide ถูกห้ามใช้ใน EU เนื่องจากข้อกังวลเรื่องสิ่งแวดล้อม ดังนั้นการเลือกใช้ Titanium Dioxide จึงเป็นตัวเลือกที่ทำให้สูตรนี้สามารถจำหน่ายได้ทั่วโลกโดยไม่มีปัญหาเรื่องข้อกฏหมายนั่นเอง

นอกจากนี้แล้วสีเนื้อของ Kiehl’s : Dermatologist Solutions Ultra Light Daily UV Defense Mineral Sunscreen SPF50 PA+++ ก็ยังถูกทดสอบแล้วว่าไม่เป็นรอยเปื้อนสีฝังติดเสื้อแน่นอน

นอกจากนี้ยังได้ความรู้ว่า ปัญหารูขุมขนที่เกิดขึ้นมีจาก 2 ปัจจัย อย่างแรกคือจากการผลิตน้ำมันที่มากเกินไป รูขุมขนกว้างจะมีทรงกลม แต่ถ้าเกิดจากความหย่อนคล้อยของผิวจากวัยที่มากขึ้น รูขุมขนจะเป็นรูปวงรี ซึ่สามารถลดปัยหาได้ด้วยการเสริมชั้นผิวให้ฟูแน่นและยืดหยุ่นขึ้นนั่นเอง

 photo Kiehls Korea Trip13.png
คนต่อมาคือ Dr. Martin Kägi แพทย์ผิวจากเมืองซูริค สวิสเซอร์แลนด์ ที่ตีพิมพ์งานวิจัยในวารสารทางการแพทย์มากกว่า 50 ชิ้น เป็นผู้เชี่ยวชาญและผู้ฝึกสอนการใช้ Fillers แบบต่าง ๆ รวมถึง Botox ด้วย 

ข้อมูลที่น่าสนใจที่เราได้จาก Dr. Martin ก็ได้แก่

– แพทย์ผิวหนังในสวิสเซอร์แลนด์ แนะนำว่า ถ้าอยากได้ประิทธิภาพสูงสุดจากเครื่องสำอางบำรุงผิวที่เราใช้ เราไม่ควรใช้สกินแคร์เกิน 3 ชิ้น เพราะการทาผลิตภัณฑ์พวกเซรั่มและครีมมากไปก็จะไปลดการดูดวึมผลิตภัณฑ์ในขั้นตอนหลัง ๆ นั่นเอง (3 ชิ้นที่ว่านี้ ไม่รวมการทำความสะอาด การเตรียมผิวด้วยโทนเนอร์และโลชั่นน้ำ และครีมกันแดด ดังนั้นขั้นตอนของเซรั่มและมอยซ์เจอไรเซอร์ไม่ควรใช้เกิน 3 ชิ้นนะจ๊ะ)

– น้ำมันหอมระเหย หรือ Essential Oil นั้นจะเกิดการระคายเคืองหรืออาการแพ้ ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นที่ใช้ในผลิตภัณฑ์

– การนวดหน้านั้น ถ้าทำอย่างพอดีจะเป็นการช่วยการไหลเวียนโลหิต เสริมกระบวนการ Metabolism ในการทำงานของผิว แต่ถ้าทำมากไป ทำหนักไป จะไปกระตุ้นให้เกิดความหย่อนคล้อยเพิ่มขึ้นแทน

– Hayflick Phenomenon หรือทฤษฏีที่ว่าเซลล์มีขีดจำกัดในการแบ่งตัว จนทำให้เกิดความเชื่อว่าถ้าเราผลัดเซลล์ผิวบ่อยๆ หรือใช้ Anti-Aging ตั้งแต่เนิ่น ๆ จะทำให้ตอนแก่ผลิตภัฑืจะทำงานไม่ได้ผล หรือเซลล์เสื่อมจนไม่สามารถแบ่ตัวได้อีกนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะว่าในร่างกายของเรามี Stem Cell อยู่จ้า

ผลิตภัณฑ์ที่คุณหมอช่วยพัฒนาขึ้นมาก็คือ Kiehl’s : Dermatologist Solutions Precision Lifting & Pore-Tightening Concentrate ซึ่งใช้ส่วนผสม Yeast Extract ในการสร้างความบูรณ์ให้กับชั้น Dermal-Epidermal Junction เพื่อคืนความยืดหยุ่น ให้ผิวและรูขุมขนกระชับขึ้น ตัวนี้ลองใช้จะหมดขวดแล้ว รู้สึกว่าผิวมันแน่นดีเลยล่ะ

 photo Kiehls Korea Trip14.png
คนสุดท้ายคือ Dr. Gee Young Bae แพทย์ผิวหนังที่เป็นที่รู้จักในเกาหลี ข้อมูลที่ได้จากคุณหมอท่านนี้จะเน้นเกี่ยวกับปัญหารอยคล้ำใต้ตา ซึ่งมีสาเหตุมาจาก

1. Volume Loss หรือการเสื่อมลงของโปรตีนในชั้นผิวทำให้ผิวบางลงจนเห็นเส้นเลือดใต้ผิวชัดขึ้น รวมถึงความหย่อนคล้อยที่ทำให้เกิดแสงเงามากขึ้น

2. Hyperpigmentation หรือการผลิตเม็ดสีที่มากไป ซึ่งอาจจะมาจากการระคายเคืองจนเกิดเป็นการอักเสบ (โดยเฉพาะคนที่เป็นภูมิแพ้) การอักเสบจะไปกระตุ้นการผลิตเม็ดสีเมลานิน อีกปัจจัยหนึ่งคือการโดยแสง UV กระตุ้นการผลิตเมลานิน ส่งผลเป็นรอยคล้ำดำ

3. Poor Circulation หรือการไหลเวียนโลหิตที่ไม่ดี อันมาจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ ปัญหาสุขภาพ ความเครียด

ผลิตภัณฑ์ Kiehl’s : Dermatologist Solutions Cleary Corrective Dark Circle Perfector SPF30 นั้นทำขึ้นมาเพื่อดูแลปัญหารอยคล้ำที่มาจากเมลานินเป็นหลัก ด้วยส่วยผสมของวิตามินซีที่ช่วยลดเมลานินส่วนเกิน รวมถึงส่วนผสมของ Titanium Dioxide ที่ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV เพื่อป้องกันการเกิดความหมองคล้ำจากเมลานินและอ่อนโยนพอที่จะใช้กับผิวรอบดวงตา นอกจากนี้ยังใช้ Mineral Pigment เพื่อให้เนื้อผลิตภัณฑ์เป็นสีเนื้อ ช่วยปกปิดรอยหมองคล้ำแบบบางเบาอีกด้วย

 photo Kiehls Korea Trip15.png
หลังจากที่เสร็จกิจกรรมแบบได้ความรู้กันจนล้น เราก็ได้กลับไปพักผ่อนที่โรงแรมก่อนจะไปกินข้าวเย็นที่ร้าน ELBON The Table ซึ่งร้านนี้เป็นร้านอาหารชื่อดังเลยล่ะ

 photo Kiehls Korea Trip16.png
วันสุดท้ายของทริปนี้ในตอนเช้าไปเดินทางไปที่ The Ruam ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานฉลอง งานแต่งงาน สุดฮิตของเกาหลี บรรยากาศดีและตกแต่งอย่างสวยงามมาก

 photo Kiehls Korea Trip17.png
ในวันนี้จะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ Kiehl’s : Irish Extract Activating Treatment Essence ซึ่งเป็นเอสเซนส์น้ำขวดแรกของแบรนด์นีและเป็นผลิตภัณฑ์ตัวหลักของปี 2015 เลยก็ว่าได้

ส่วนผสมหลักอย่างสารสกัดจากรากของต้นไอริชนั้น เขาเคลมว่าช่วยให้การยึดเหนี่ยวของเซลล์ผิวทำได้ดีขึ้น ปกป้องโปรตีนของผิวชั้นหนังกำพร้า ทำให้ราการปกป้องผิวแข็งแรง เก็บกักความชุ่มชื้นได้ดีขึ้นนั่นเอง ตัวนี้ใช้แล้วผิวชุ่มชื้นดี แต่ไม่รู้สึกว่ามันโดดเด่นเมื่อเทียบกับเอสเซนส์น้ำอื่น ๆ ที่เราเคยใช้มา

 photo Kiehls Korea Trip18.png
กิจกรรมที่ได้ทำในวันนี้ก็คงจะเป็นการจัดดอกไม้ซึ่งเราก็ไม่เคยทำหรอก ออกมาก็ดูไม่สวยเท่าไหร่ วันนี้อากาศเย็นมาก ก่อนจะกลับเราต้องไปกินข้าวเย็นก่อนไปสนามบิน ต้องขึ้นเนินเขาไป ลมพัดมาทีแทบแข็งแน่ะ

 photo Kiehls Korea Trip19.png
อาหารมื้อสุดท้ายของทริปนี้ก็คือร้าน Bicena เป็นร้านอาหารเกาหลีแบบดั้งเดิมแต่เสริฟอย่างมีสไตล์ วัตถุดิบธรรมชาติและสดมาก

 photo Kiehls Korea Trip20.png
หลังจากนั้นเราก็เดินกลับถึงไทยโดยสวัสดิภาพ ทริปนี้ไม่ค่อยไปไหนเพราะว่าตารางค่อนข้างแน่น เวลาว่างก็ใช้เวลานอนพักในห้องมากกว่า แต่ก็เป็นทริปที่ประทับใจเพราะได้เจอกับคนที่เราเห็นแต่ในจอคอมพิวเตอร์ หรือเห็นจากหนังสือ Kiehl’s Book มาหลายปีอย่าง Cammie Cannella ซึ่งเธอเคยเป็น KCR มาก่อน แต่ปัจจุบันเป็นเหมือนกับคุณครูของแบรนด์นี้ไปแล้วนะ

ต้องขอขอบคุณ Kiehl’s ประเทศไทย ที่ให้โอกาสในการสัมผัสกับประสบการณ์และได้รับข้อมูลอันมีคุณค่าจะบุคคลที่ปกติเราคงไม่มีโอกาสได้เจอกันง่าย ๆ แบบนี้ด้วยนะฮะ