ตื่นนอนในตอน ตี5 ของเช้าวันที่ห้าเพื่อเตรียมตัวเดินทางไกล วันนี้เราจะไป “ฮาโกเน่” เพื่อไปชื่นชมบ้านนอก เอ๊ย!!!…ชื่นชมธรรมชาติและน้ำพุร้อนกัน

ออกจากโรงแรมประมาณ 6.00 น. มาแวะทานข้าวที่ร้าน Sukiya ที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง และเหมือนจะมีแฟรนไชส์อยู่ทั่วไป รสชาติอาหารก็กลาง ๆ ไม่ได้ดี ไม่ได้แย่ แต่ที่เห็นว่าน่าสนใจคือมีให้เลือกหลายขนาด สำหรับหิวมากหิวน้อย ที่สำคัญ!!! มีคำนวณแคลอรี่ไว้ให้เสร็จสรรพอีกด้วย!!! เป็นสวรรค์ของคนที่ต้องการไดเอทแบบนับแคลอรี่จริง ๆนะ (คนญี่ปุ่นเขาใส่ใจทุกรายละเอียดจริง ๆ)

กินเสร็จประมาณ 6.50 น. ก็เดินมาที่สถานีรถไฟใต้ดินเพื่องมหาวิธีไป “ฮาโกเน่กัน”… มีแต่ภาษาญี่ปุ่น อ่านไม่ออก…

สุดท้ายก็ไป “ชินจูกุ” ด้วยรถไฟใต้ดินไม่ถูก ต้องเดินออกมาขึ้นรถไฟสาย JR แทน… ตอนนี้เวลาประมาณ 7 โมงเช้านิด ๆ คนโล่งมากฮะ จะเห็นคนนอนบนรถไฟกันเป็นเรื่องปกติเลย…

มาต่อรถไฟไปสาย “Odakyu” ตรงชินจูกุ รถไฟขบวนด่วนพิเศษอันนี้เหมือนรถไฟ TGV เลยเนอะ (แต่ไมได้นั่งหรอกนะ ชั้นประหยัดอย่างเรานั่งขบวนหวานเย็นต่อไป…) ซื้อเป็นตั๋ว Hakone Freepass ราคา 5000 เยน ที่สามารถใช้บริการระบบขนส่งของ Hakone ได้ทั้งหมดตลอด 2 วัน ไม่ว่าจะเป็นรถไฟ รถเมล์ กระเช้าลอยฟ้า รถราง และบลา ๆ ๆ

10.00น. มาต่อรถไฟขบวนใหม่ที่ Odawara แวะซื้อของเติมพลังกันซะหน่อย น้ำ Vitamin Water รส Lemon ก็พอทานได้ (200 เยน) ส่วน Vitamin C 1000 Mg แบบเยลลี่ให้ความสดชื่นก็… ไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่ (189 เยน)

มาถึง Hakone ตอนประมาณ 10.30 ฮะ สภาพบ้านเมืองนอกสภานีก็บอกได้ว่า อืม… บ้านนอกจริง ๆ (แต่สวยคลาสสิคดี อากาศก็เยี่ยมไปเลย)

ระหว่างรอรถรอบ 10.50 น. ก็เดินเล่นเรื่อยเปื่อยแถวสถานีไปเรื่อย ๆ
วิวที่มองจากสะพานครับ ได้ยินเสียงน้ำไหลแล้วรู้สึกผ่อนคลายดีจัง ;D
กว่าจะนั่งรถเมล์ลัดเลาะทางอันแสนคดเคี้ยวตามไหล่เขามาจนถึงที่หมาย “ทะเลสาป ฮาโกเน่” ได้ประมาณเที่ยงตรงพอดิบพอดี เราจะมานั่งเรือชมวิวที่ทะเลสาปนี้กัน ทิวทัศน์ที่กว้างไม่มีตึกสูงมาบดบังสายตา เห็นแต่น้ำสีมรกตสดใสและต้นไม้เขียวขจี ลมเย็นสบาย (เพราะมันอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลมาก) รู้สึกประทับใจมากฮะ แต่กล้องมือถือง่อย ๆของเราไม่สามารถเก็บความสวยงามที่กว้างใหญ่แบบนี้ได้ เลยขอถ่ายเป็นคลิปวีดีโอมาให้ดูแทน ;D

มี Soft Cream อยู่ทุกหนทุกแห่ง (และเราก็กินมันเกือบทุกที่เหมือนกัน) ราคา 300 เยนจ้า

เราจะนั่งเรือเก๋ ๆ แบบนี้ชมทะเลเสาปกันแหล่ะ!!!
วิวจากบนดาดฟ้าเรือ
ถ่ายรูปสวย ๆ เป็นที่ระลึก
รูปไม่สวยก็จัดไป น้ำหวานไม่แคร์!!! กร๊ากกกกกกกกกกก
เรือเริ่มออกแล้วฮะ เรือเป็ด (หรือหงส์) สำหรับคู่รักหวานแหวว
เรืออีกลำแล่นกลับไปยังท่าเรือที่เรามา
ขอใส่แว่นเพื่อชมความสวยงามของธรรมชาติได้อย่างชัดเจนฮะ อยากมีบ้านพักตากอากาศอยู่ริมทะเลสาปฮาโกเน่จัง…

ลงจากเรือก็เดินไปขึ้นกระเช้าลอยฟ้าเพื่อไปกิน “ไข่ดำ” ที่บ่อน้ำพุร้อนแถวยอดเขา ตอนนี้ต้องรีบหน่อยฮะ เพราะที่เดินไล่หลังเรามาคือทัวร์คนจีนแผ่นดินใหญ่ เป็นคณะทัวร์ที่ถ่อยมากจนไม่อยากเชื่อว่ามันเป็นบรรพบุรุษเรา…

มาถึงสถานี Owakudani ที่ความสูง 1044 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ลมแรงใช้ได้นะฮะ…

จุดหมายที่เราจะไปคือช่วงสีน้ำตาลที่ต้นไม้หรอมแหรมที่เชิงเขานู่นอ่ะครับ ดูจากตรงนี้… ไม่ไกลเท่าไหร่เนอะ เบา ๆ

ใช่ ๆ ไม่ไกลหรอก แปปเดียวก็ถึง
เอิ่ม… จะต้องเดินไปนานแค่ไหน…
เวร… ยังเหลืออีกตั้งครึ่งทาง!!!
เริ่มได้กลิ่นไข่เน่า และธารน้ำร้อนสีขุ่น ๆ ไหลเป็นสายเล็ก ๆ แปลว่าเราใกล้จะถึงแล้ว

บ่อน้ำร้อนเดือดปุด ๆ พ่นควันสีขาวกลิ่นมาดามหอมคละคลุ้งทั่วบริเวณ… ปีนขึ้นมาเหนื่อย เจอกลิ่นไขเน่าต้อนรับเข้าไปก็แทบจะเป็นลม…

จ่ายเงิน 500 เยน ที่คุณลุงคนนี้ ก็จะได้รับไข่ดำ 5 ฟอง บรรจุในห่อแบบนี้มา
เดินจนหอยถลอกเพื่อไอ้ลูกกลม ๆ อันนี้เนี่ยนะ!!! (เอาน่า ถือเป็นประสบการณ์ชีวิต…)

ตอกกินให้หายแค้น!!! ไข่ดำนั้นเกิดขึ้นจากกำมันถันไปทำปฏิกิริยากับเปลือกไข่จนเป็นสีดำครับ แต่ข้างในก็เป็นไข่ต้มธรรมดาฟองนึงนั่นแหล่ะ เขาบอกว่ากินไข่ดำ 1 ฟอง จะอายุยืนขึ้น…. กี่ปีก็ไม่รู้…บางคนก็ว่า 1 บางคนก็ว่า 7 ปี (แต่ที่แน่ ๆ ถ้ายัดเข้าไปเยอะ ๆ อายุจะสั้นลงเพราะคอเลสเตอรอลอุดตันในเส้นเลือดซะมากกว่า)

คิตตี้ไข่ดำ ที่ร้านขายของที่ระลึก
นั่งกระเช้าลอยฟ้าข้ามเขาไปนั่งรถรางลงเขาอีกที ระหว่างทางก็เห็นสถานที่ ที่เขาใช้เก็บกำมะถัน (สีเหลือง ๆ ) เพื่อเอาไปใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ รวมถึงเครื่องสำอางด้วยนะ (Sulfur ช่วยฆ่าเชื้อได้ จะพบในเครื่องสำอางรักษาสิวในหลายยี่ห้อครับ แต่ก็ค่อนข้างระคายเคืองผิวเหมือนกันนะ)

นั่งรถรางลงเขาจ้า
นั่งลงมาจนสุด พอออกจากสถานีก็พบเจอบรรยากาศที่สุดแสนจะบ้านน๊อก บ้านนอก… ไม่มีอะไรเลยจริง ๆ …

รถเมล์ที่นี่มาตามเวลานะนะฮะ คันต่อไปก็มาตอน 15.00น. ก็รอกันเข้าไป ร่มเงาก็ไม่มี ตากแดดกันให้ไหม้กันไปข้าง…

ไปกดตู้ขายน้ำแถวนั้น เจอ ยาคูล์ ด้วย!!! มาทานที่ต้นตำรับรสชาติจะเป็นยังไงน๊า…..
เอิ่ม…. จืดมากกกกกกกกกกกก คิดถึงยาคูล์หวานแสบไส้ที่เมืองไทย (ขวดนี้ 120 เยนฮะ)

นั่งรถเมล์ไปแช่น้ำร้อนที่ออนเซ็น 😀
มาถึง Unesan ประมาณ 15.25 น. ที่นี่จะมีบ่อน้ำร้อนแบบดั้งเดิม (ต้องเปลือยกายเข้าไปใช้บริการ) และบ่อน้ำร้อนร่วมสมัย ที่ใส่ชุดว่ายน้ำเข้าไปได้ ที่เด็ดก็คือจะมีบ่อชาเขียว บ่อไวน์ บ่อสาเก บ่อถ่าน และอื่น ๆ อีกมากมายเลยนะฮะ

ไหน… ทำมาจากไวน์จริงๆ รึเปล่า?
อย่าได้อายฮะ น้ำหวานไม่แคร์ ขีดเส้นใต้!!!

บ่อไวน์ก็เป็นกลิ่นไวน์จริงๆ บ่อสาเกก็มีกลิ่นสาเก บ่อชาเขียสก็เขียวปี๋จริง ๆ ได้อาบน้ำอุ่นพร้อมกลิ่นหอม ๆ ก็รู้สึกดีนะฮะ หายเมื่อยเลย ;D

หลังจากแช่กันจนตัวเปื่อยก็เตรียมตัวกลับโรงแรมกันได้เลย ที่สถานีเจอร้านเล็ก ๆ ขาย Hakone Pudding ไม่รู้ว่าคืออะไรก็เลยซื้อมากินหนึ่งลูก (แค่ชื่อ Pudding ก็อยากกินแล้ว ของโปรด)

กินแล้วก็รู้สึก…. เสียใจมากฮะ… เสียใจที่ทำไมซื้อมาลูกเดียว!!! อร่อยมว๊ากกกกกกกกกกกกกก พูดดิ้งเนื้อนุ่มละมุนลิ้น หอมมันถึงรส ไข่ ครีม และวนิลา เคลิบเคลิ้ม ๆ (ลูกละ 300 เยน)

แวะซื้อของกินรองท้องตอนเปลี่ยนรถไฟ ข้าวปั้นไส่ปลาโทโร่สับ 130 เยน แล้วก็ขนมปังยากิโซบะหมูทอด 200 เยน อันหลังนี่ได้เห็นในการ์ตูนญี่ปุ่นหลายเล่มตั้งแต่ช่วงเรียนอยู่มัธยมปลาย… อยากรู้มานานว่ามันรสชาติเป็นยังไง ในที่สุดก้ได้กินแล้วฮะ (ถึงจะช้าไป 10 กว่าปีก็เถอะ…)

กลับมาถึงสถานี อูเอโนะ ก็เกือบจะสามทุ่มแล้ว มื้อดึกวันนี้แยกย้ายกันไปกิน คนอื่นๆ อยากกินราเมง แต่เราจะกิน “ข้าวหน้าเนื้อ!!!!” มาญี่ปุ่นแล้วไม่กินเนื้อแล้วจะมาทำไม!!!

ร้านนี้อยู่หน้าสถานี อูเอโนะพอดี และค่อนข้างมีชื่ออีกด้วย (สังเกตุจากป้ายหน้าร้าน มีแมกกาซีนแนะนำเต็มไปหมด)

รสชาติเหมือนสวรรค์มาโปรด เนื้อติดมันนุ่ม ๆ ผัดในซอสรสกลมกล่อม ทานได้ทั้งชามโดยไม่รู้สึกเลี่ยน ไข่ลวกยางมะตูมตีพอแตกกินพร้อมกันก็อร่อยเป็นที่สุด ราคา 690 เยนครับ รู้สึกคุ้มค่ากว่าการจ่ายเงินเท่ากันที่ร้านอาหารญี่ปุ่นในเมืองไทยเยอะเลย…

กลับถึงโรงแรมประมาณ 4 ทุ่มครับ คืนนี้หลับเป็นตาย… พรุ่งนี้เราจะไปลุย Tokyo Disney Sea กัน ;D