วันนี้ก็จะเอาผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Sensitive Skin / Skin Barrier มาพูดถึงกันอีกเช่นเคย ซึ่งก็เป็นคิวของแบรนด์ H2o Plus ที่ปูเป้เลิฟ ๆ เจลอาบน้ำและบอดี้บาล์มหลากสีสารพัดกลิ่นสุดน่ากิน แต่ไม่ค่อยได้ใช้พวกบำรุงผิวหน้าของเขาเท่าไหร่ (ยกเว้นตัว Oasis ที่เป็นเจลเติมน้ำให้ผิวชื่อดังของเขานั่นเอง)

H2O Plus : Marine Calm™ เป็นไลน์ที่ออกวางจำหน่ายเมื่อประมาณไตรมาสที่สามของปี 2011 ที่ผ่านมา (ซึ่งแน่นอนว่าปูเป้เห็นจากเวปเมืองนอกมาก่อนหน้านั้นแล้วหลายเดือนเหมือนกัน) จากการสังเกตุทั้งในแง่ของส่วนประกอบและบรรจุภัณฑ์ การออกแบบทั้งหมดทำให้ผมคิดว่าทางแบรนด์กำลังจัดการพลิกโฉมตัวเองครั้งใหญ่ (ซึ่งจากที่ถามกับทางแบรนด์มาก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะทีม H2o ที่เมืองนอกมีทีมงานใหม่เข้ามาปรับปรุงแบรนด์)

ส่วนผสมโดยรวมมีการพยายามลดการใช้สารกันเสียในกลุ่ม Methylisothiazolinone และ Paraben ลง (แต่ก็ยังคงมีอยู่ในบางผลิตภัณฑ์ เป็นไปได้ว่าสารกันเสียเหล่านั้นจะติดมากับสาร Active ที่เลือกใช้นั่นเอง) และมีความอ่อนโยนกับผิว Sensitive มากขึ้นเพราะไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ชนิดระเหยไว (เว้นตัวเซรั่มที่มี Alcohol Denat. ห้อยเป็นติ่งรั้งท้ายส่วนผสมซึ่งไม่มีผลเสียอะไร) สี และน้ำหอม (แต่มีผลิตภัณฑ์สองชนิดที่มีใช้ Lavender Oil ในการแต่งกลิ่น) ซึ่งรายละเอียดจะเป็นยังไงบ้างก็เลื่อนลงมาดูกันได้เรย

H2O Plus : Marine Calm™ Balancing Toner (200ml / 1,180 THB)

โทนเนอร์ตัวนี้มีเนื้อสัมผัสชุ่มฉ่ำแต่ก็บางเบาและไม่เหนอะหนะและมีส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้นหลายชนิด ถึงจะบอกว่าไม่มีส่วนผสมของน้ำหอมแต่กลิ่นของโทนเนอร์นี้จะหอมเหมือนดอกไม้หน่อย ๆ (คาดว่าเป็นเพราะส่วนผสมและ Lavender Flower Extract ที่เป็นแอนติออกซิแดนท์รึเปล่า แต่มันไม่มี Linalool ที่เป็น Fragrance Component ของลาเวนเดอร์อยู่ในส่วนผสมนะ…) เอาเป็นว่าตัวนี้ปูเป้มองว่าเหมาะกับทุกสภาพผิวเลยล่ะ ผิวเป็นสิวยังใช้ตัวนี้ได้นะ

ส่วนผสมที่ใส่มาเยอะหน่อยดูจะเป็น Macrocystis Pyrifera (Sea Kelp) Extract ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นส่วนผสมที่ใช้คือทางการค้าว่า Kelpadelie จากบริษัท BiotechMarine ที่ช่วยกระตุ้นการสร้าง Glycosaminoglycan (GAG) ในผิวและลดปริมาณเอนไซม์ MMP ที่ทำลายเส้นใยคอลาเจน (ฟังดูแล้วมันดูเป็น Anti-Aging มากกว่าจะช่วยเรื่องปลอบประโลมผิวนะ…) แต่ข้อมูลตรงนี้เป้นข้อมูลจากผู้ผลิตสารนะครับ ส่วนจะทำได้จริงมั๊ยผมก็ยังหางานวิจัยจากแหล่งอื่นไม่ได้เลย แต่ทว่าส่วนผสมของกลุ่มสาหร่ายต่าง ๆนั้นมีปริมาณวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิดและส่วนใหญ่ให้คุณสมบัติเป็น Water-Binding ให้ความชุ่มชื้นได้ (หรือถ้าเอาผ่านกระบวนการหมักก็จะได้พวกแซคคาไรด์ไม่ก็เปปไทด์)

สรุปว่าเป็นโทนเนอร์ที่โอเคในระดับหนึ่งแม้ราคาจะแอบสูงอยู่นิดนึง ไม่มีน้ำหอม สี และแอลกอฮอล์แต่อย่างน้อยก็เป็นอีกตัวเลือกสำหรับคนที่อยากได้โทนเนอร์ที่อ่อนโยนสักชิ้นตามเคาน์เตอร์แบรนด์

Ingredients : Water/Eua/Aqua, Glycerin, Glycereth 26, Macrocystis Pyrifera (Sea Kelp) Extract, Aloe Barbadensis (Aloe Vera) Leaf Extract, Lavendula Angustifolia (Lavender) Flower Extract, Zingiber Officinale (Ginger) Root Extract, Beta Glucan, Sodium Hyaluronate, Allantoin, Maltodextrin, Hydrolyzed Vegetable Protein, Panthenol, Xylitylglucoside, Anhydroxylitol, Xylitol, Hydroxyethylcellulose, PEG-12 Dimethicone, Phenoxyethanol, Chlorphenesin.

H2O Plus : Marine Calm™ Rescue Serum (30ml / 2,680 THB)

ปกติเซรั่มควรจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่เด็ดดวงที่สุด แต่กับ Marine Calm™ นั้นไม่แซ่บมากเท่าไหร่เพราะเซรั่มตัวนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสียปะปนกันไป

อย่างแรกเลยคือส่วนผสมของ Ascorbyl Palmitate ที่มาเป็นลำดับที่สาม อนุพันธุ์วิตามินซีตัวนี้เป็นรูปแบบที่ละลายในน้ำมัน สามารรถดูดซึมได้ง่าย มีคุณสมบัติเป็นแอนติออกซิแดนท์ แต่วิตามินซีรูปแบบนี้จะผสมในปริมาณที่น้อยมาเมื่ออยู่ในสูตรของเครื่องสำอาง (ตามข้อมูลจาก the Cosmetic Ingredient Review (CIR) Expert Panel ระบุว่าวิตามินซีรุปแบบนี้จะใส่มาได้มากสุดเพียง 0.2% เท่านั้นในเครื่องสำอางที่ไม่ต้องล้างออก) นั่นหมายความว่าส่วนผสมอื่น ๆ ที่เรียงรายเป็นหางว่าวนั้นต้องน้อยกว่า 1% ซึ่งจะถูกจับสลับเรียงอย่างไรก็ได้โดยไม่คำนึงถึงว่าจะใส่มามากกว่าหรือน้อยกว่ากัน

ส่วนผสมโดยรวมมีตัวให้ความชุ่มชื้นที่หลากหลาย รวมถึงส่วนที่ช่วยลดการระคายเคือง และ Achillea Millefolium Flower Extract ที่มีข้อมูลเล็กน้อยว่าอาจช่วยลดการอักเสบของผิวได้แต่ป้าพอลล่าก็บอกว่าอาจก่อให้เกิด Phototoxic ได้เหมือนกัน แต่ข้อมูลจาก Final report on the safety assessment of Yarrow (Achillea millefolium) Extract. ระบุว่าสารสกัดจากพืชตัวนี้ไม่ทำให้เกิด Phototoxic ทำให้จุดบอดหลัก ๆ ของเซรั่มหลอดนี้หลัก ๆ ดูจะเป็นส่วนผสมของน้ำมัน Lavender ที่มี Fragrance Component อย่าง Linalool อยู่ อยู่ในปริมาณที่ไม่มากนักแต่ก็ขอพูดถึงเอาไว้ก่อนเผื่อไว้สำหรับบางคนที่กังวลเรื่องนี้เป็นพิเศษ

เนื้อเซรั่มเป็นเจลที่มีความหนืดเล็กน้อย ให้ความชุ่มชื้นบางเบาและไม่เหนอะหนะผิว (ใช้ปริมาณ 2 ปั้มทั่วใบหน้า) ส่วนตัวใช้แล้วไม่ได้เห็นผลอะไรมากกว่าการให้ความชุ่มชื้น เพราะตอนที่ลองใช้ผิวก็ไม่ได้มีการระคายเคืองใด ๆ แต่ก็ดีที่ไม่ทำให้เกิดการระคายเคืองเพิ่มขึ้น สรุปว่าปูเป้มองว่าเซรั่มตัวนี้อยู่ในระดับปานกลาง คือไม่แย่ แต่ก็ไมได้ทำให้ร้องว้าวเท่านั้นเอง… ส่วนจะเหมาะกับผิว Sensitive จริงมั๊ย? ถ้าไม่ได้มีปัยหากับน้ำมัน Lavender ปริมาณเล็กน้อย ก็สามารถที่จะใช้ได้ครับ

Ingredients : Aqua/Water/Eau, Glycerin, Ascorbyl Palmitate, Achillea Millefolium Flower Extract, Algae Extract, Chlorella Vulgaris Extract, Aloe Barbadensis Leaf Extract, Alaria Esculenta Extract, Retinyl Palmitate, Sodium Hyaluronate, Allantoin, Maltodextrin, Hydrolyzed Vegetable Protein, Bisabolol, Panthenol, Xylitylglucoside, Anhydroxylitol, Xylitol, Hamamelis Virginiana (Witch Hazel) Water, Vitis Vinifera (Grape) Seed Oil, Hydroxyethyl Acrylate/Sodium, Acryloyldimethyl Taurate Copolymer, PPG-1-PEG-9 Lauryl Glycol Ether, Xanthan Gum, Hydroxyethylcellulose, PEG-12 Dimethicone, PEG-20 Methyl Glucose Sesquistearate, Caprylic/Capric Triglyceride, Lavandula Angustifolia (Lavender) Oil, Linalool, Phenoxyethanol, Chlorphenesin, Alcohol Denat., Squalane, Polysorbate 60

H2O Plus : Marine Calm™ Restorative Eye Cream (15ml / 2,080 THB)

ครีมบำรุงรอบดวงตาตัวนี้มีส่วนผสมที่ค่อนข้างเบสิค คือมีส่วนผสมของน้ำและซิลิโคนชนิดเคลือบผิวและสารให้ความชุ่มชื้นเป็นหลัก สาร Active ที่ดูแปลกตาคือ Pikea Robusta ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นส่วนผสมที่ชื่อว่า NAB Pikea Robusta Extract ซึ่งผู้ผลิตเคลมว่ามีคุณสมบัติในกสารลดการอักเสบและลดการระคายเคืองของผิวด้วยการยับยั้งการเกิดของ Nitrix Oxide (แต่ก็เป็นข้อมูลจากผู้ผลิตสารอีกแล้ว ยังหาข้อมูลจาก Source นอกไม่ได้เช่นเคย) ตามมาด้วยสารสกัดจากพืชและวิตามินปริมาณเล็กน้อย

ส่วนผสมที่ “อายครีม” จะต้องใส่มาคือ Caffeine ที่ก็ยังไม่มีการศึกษาที่ยืนยันแน่ชัดว่าจะช่วยลดรอยบวมหรือรอยคล้ำได้ ซึ่งบางแบรนด์ก็เคลมว่าช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิตบ้าง แต่บางสายก็บอกว่าเวลาทาลงไปแล้วจะทำให้เส้นเลือดหดตะวลงเล็กน้อยเพื่อลดการไหลเวียนของเลือด ทำให้เห็นรอยคล้ำน้อยลง (และลดอาการหน้าแดงสำหรับคนเป็นโรค Rosacea) ซึ่งมันก็ขัดกันเองอีกนั่นแหล่ะ… แต่อย่างน้อยคาเฟอีนเป็นแอนติออกซิแดนท์เมื่อทาลงบนผิวจ้า

สรุปว่านี่เป็นมอยซ์เจอไรเซอร์ที่พอใช้ได้ อย่างน้อยก็อ่อนโยนและสามารถต้านอนุมูลอิสระลแลดลดการระคายเคือง ลดการอักเสบของผิวได้ ถ้าสังเกตุดี ๆ จะเห็นชิมเมอร์เล้ก ๆ จากส่วนผสมของ Mica และ Titanium Dioxide ที่ช่วยกระจายแสงเพื่ออำพรางรอยคล้ำ (ซึ่งก็ช่วยแค่เล็กน้อยเท่านั้น)

Ingredients : Aqua/Water/Eau, Dimethicone, Glycerin, Cyclopentasiloxane, Stearic Acid, Cetyl Alcohol, Glyceryl Stearate, Cetearyl Alcohol, Trisiloxane, Phenoxyethanol, Cetearyl Glucoside, Xanthan Gum, Triethanolamine, Mica (CI 77019), Caffeine, Allantoin, Pikea Robusta, Butylene Glycol, Titanium Dioxide (CI 77891), Lecithin, Camellia Sinensis Leaf Extract, Methylisothiazolinone, Tocopheryl Acetate, Magnesium Ascorbyl Phosphate, Retinyl Palmitate, Ilex Paraguariensis Leaf Extract

H2O Plus : Marine Calm™ Hydrating Face Complex (38ml / 2,280 THB)

ตัวนี้เป็นชิ้นที่ปูเป้ชอบที่สุดในไลน์ (แม้ส่วนผสมมันจะไม่เพอร์เฟคไร้ที่ติก็ตาม) ในแง่ของส่วนผสมที่นอกจากจะมีตัวก่อเบสโลชั่นแล้ว ก็มีส่วนผสมของ Borago Officinalis Seed Oil ที่อุดมไปด้วย Gamma Linolenic Acid ที่เป็นทั้งแอนติออกซิแดนท์ ลดการอักเสบและระคายเคืองผิว และเป็นช่วยปรับการทำงานของเซลล์ให้เป็นปกติ (Cell Regulator) กับ Squalene ที่มีลักษณะคล้าบกับ Lipid ที่มีในผิวตามธรรมชาติ กับ Biosaccharide Gum-1 ที่เป็นมอยซ์เจอไรเซอร์ที่ดีอีกหนึ่งตัว และกรดอะมิโนหลายชนิด

สิ่งที่ทำให้โลชั่นขวดนี้ไม่สมบูรณ์แบบในมุมของปูเป้คือ Lavandula Hybrida Oil ซึ่งใช้แต่งกลิ่นเป็นหลัก แม้ว่าน้ำมันของลาเวนเดอร์จะมีคุณสมบัติเป็นแอนติออกซิแดนท์รวมถึงใช้เป็นสารกันเสียได้ด้วย แต่ก็มี Fragrance Component ที่มีโอกาสก่อปัญหากับผิวของบางคนได้เหมือนกัน ในเมื่อมีการใช้สารกันเสียตัวอื่น ๆ อยู่แล้วในสูตรก็ไม่ต้องใส่น้ำมันตัวนี้มาก็ได้ (แค่กลิ่นอาจจะไม่หอมเท่านั้นเอง…)

เนื้อโลชั่นดูเข้มข้นแต่ก็ให้สัมผัสที่เย็นและชุ่มผิวเมื่อทา เกลี่ยง่ายและรู้สึกนุ่มนวลไปกับผิวและไม่ทิ้งความเหนอะหนะ (คิดว่าเป็นเพราะส่วนผสม Diisopropyl Dimer Dilinoleate มาช่วยปรับเนื้อสัมผัสนี่แหล่ะ) กลิ่นจะออกหอมเย็น ๆ แต่ก็ไม่มีส่วนผสมที่ทำให้เย็นผิวใส่มา (มีแต่กลิ่น) ปูเป้ชอบโลชั่นตัวนี้เพราะส่วนผสมก็ถือว่าใช้ได้ คุณสมบัติในการเคลือบผิวและให้ความชุ่มชื้นกำลังดี เนื้อสัมผัสเยี่ยม เหมาะกับคนผิวธรรมดาค่อนไปทางแห้ง หรือผิวค่อนมาทางผสมอย่างปูเป้ก็สามารถใช้ได้ในตอนกลางคืนเอนอนห้องแอร์ (ส่วนกลางวันใช้เฉพาะจุดที่ต้องการเติมความชุ่มชื้นเป็นพิเศษและเว้น T-Zone เอาไว้) และสำหรับคนที่ผิวแห้งมาก ๆ ปูเป้คิดว่าตัวนี้อาจจะไม่เข้มข้นพอนะครับ ข้อเสียอย่างนึงคือราคาสูงทีเดียวนะ เมื่อมาดูว่าปริมาณของโลชั่นขวดนี้มีเพียง 38 ml เมื่อเทียบกับมอยซ์เจอไรเซอร์ทั่วไปที่ปกติจะให้มาที่ 50 ml เป็นมาตรฐานโลก…

Ingredients : Aqua/Water/Eau, Butylene Glycol, PEG-100 Stearate, Glyceryl, Stearate, Dimethicone, Myristyl Myristate, Isostearyl Behenate, Cyclopentasiloxane, Cetyl Alcohol, Borago Officinalis Seed Oil, Cetearyl Alcohol, Diisopropyl Dimer Dilinoleate, Squalene, Triethanolamine, Stearic Acid, Phenyl Trimethicone, PEG-12 Dimethicone, Carbomer, Biosaccharide Gum-1, Imidazolidinyl Urea, Betaine, Sorbitan Tristearate, Silica, Mica (CI 77019), Cetearyl Glucoside, Sodium PCA, Methylparaben, Lavandula Hybrida Oil, Butylparaben, Propylparaben, Panthenol, Ethylparaben, Aloe Barbadensis Leaf Juice, Allantoin, Proline, Disodium EDTA, Sorbitol, Serine, Glycine, Glutamic Acid, Tocopherol, Magnesium Ascorbyl Phosphate, Lecithin, Alanine, Lysine, Arginine, Sodium Hyaluronate, Threonine, Ilex Paraguariensis Leaf Extract, Fucus Vesiculosus Extract, Camellia Sinensis Leaf Extract, Linalool, Limonene, Geraniol.

โดยภาพรวมแล้ว H2O Plus : Marine Calm™ เป็นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิว Sensitive เกือบยกชุด (ตัวเซรั่มและมอยซ์เจอไรเซอร์ที่มีน้ำมันลาเวนเดอร์นิดหน่อย ส่วนตัวปูเป้ใช้แล้วไม่เจอปัญหา แต่ก็อยากให้ทุกคนที่สนใจลองทดสอบเพื่อความแน่ใจก่อนซื้อก็ไม่เสียหายนะ) ในแง่ของความเจิดของส่วนผสมนั้นถือว่าดีขึ้นจากแต่ก่อน แต่ก็ยังมีช่องว่างและจุดบอดเหลือให้พัฒนากันอีกพอดู แต่ก็นับว่าเป็นการก้าวไปข้างหน้าอีกก้าวของแบรนด์จากชิคาโกนี้… สำหรับใครที่สนใจก็สามรถแวะไปสอบถามข้อมูลที่ Facebook ของ H2O Plus ประเทศไทย หรือที่เคาน์เตอร์ของ H2O Plus ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไปจ้า

ข้อดี

– ผลิตภัณฑ์ไม่มีส่วนผสมของสีและน้ำหอม (แตมีน้ำมันลาเวนเดอร์ในเซรั่มและโลชั่น)
– มีส่วนผสมที่ระคายเคืองผิวอยู่น้อย เหมาะที่จะใช้กับผิว Sensitive
– บรรจุภัณฑ์เป็นแบบทึบแสง และอยู่ในขวดปั้มสุญญากาศ (ยกเว้นโทนเนอร์)

ข้อเสีย

– ราคาสูงไปหน่อยสำหรับมอยซ์เจอไรเซอร์ (ดูที่ปริมาณ) รวมถึงอายครีมและเซรั่มด้วย (เมื่อมองจากส่วนผสมที่ได้)
– มีส่วนผสมของน้ำมัน Lavender ในเซรั่มและมอยซ์เจอไรเซอร์
– ยังมีการใช้สารกันเสียในรูป Methylisothiazolinone อยู่บ้าง

สำหรับคำถามว่า “จะแพ้มั๊ย” “ใช้แล้วอุดตันรึเปล่า?” เป็นคำตอบที่ปูเป้บอกไม่ได้ครับ อาการแพ้เป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปในทุก ๆ คน สำหรับการอุดตันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวโดยรวมของแต่ละคนเอง นอกจากนี้คนเรายังไวต่อการอุดตันของสารแต่ละตัวไม่เหมือนกันด้วย ดังนั้นก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตาม ควรทดสอบและทดลองใช้ก่อนทุกครั้งครับ

***Sponsored Item***

– H2O Plus : Marine Calm™ Balancing Toner
– H2O Plus : Marine Calm™ Rescue Serum
– H2O Plus : Marine Calm™ Restorative Eye Cream
– H2O Plus : Marine Calm™ Hydrating Face Complex