photo BRANDRuby201.jpg
เมื่อ 9 สัปดาห์ที่ผ่านมา ปูเป้ได้รับเชิญให้ไปร่วมงานแถลงข่าวผลิตภัณฑ์ของบริษัทเซเรบอส ประเทศไทย จำกัด นั่นก็คือ BRAND’s InnerShine RubySignature Essence ซึ่งทางบริษัทได้นำมาจำหน่ายในประเทศไทยเนื่องจากเห็นความต้องการและช่องทางของตลาดในประเทศที่ให้ความสำคัญกับการป้องกันความร่วงโรยก่อนวัยจากภายในสู่ภายนอก และเมื่อเทียบกับหลายๆ ประเทศในเอเชีย ข้อมูลชี้ว่าคนไทยมีการตื่นตัวในการเลือกรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อชะลอความร่วงโรยก่อนวัยเร็วกว่าใครเพื่อนนั่นคือเริ่มต้นที่อายุเฉลี่ย 27.1 ปี

นอกจากนี้ทาง BRAND’S ก็ได้ให้ผลิตภัณฑ์มาทดลองทานติดต่อกัน 6 สัปดาห์ วันละ 2 ขวด เพื่อให้ทดลองและดูผลจากการทานอย่างต่อเนื่อง

 photo BRANDRuby202.jpg
ส่วนผสมหลักของผลิตภัณฑ์ BRAND’S InnerShine RubySignature Essence ก็คือ Hydrolyzed Collagen Peptide 2,000mg กับสารสกัดจากสาหร่าย Haematococcus Pluvialis 100 mg (ซึ่งคิดเป็น Astaxanthin 1mg) และ Vitamin C 48 mg

ส่วนผสมหลักเหล่านี้อย่าง Astaxanthin หรือ Collagen ก็เป็นสิ่งที่ปูเป้ทานมาก่อนอยู่แล้วเป็นประจำ (โดยเฉพาะ Astaxanthin นี่ทานมาหลายปีแล้วล่ะ) และเคยให้ข้อมูลเกี่ยวกับประโยชน์เอาไว้แล้ว ซึ่งสามารถย้อนกลับไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในบทความ Astaxanthin : The Super Antioxidant และ BRAND’S InnerShine Marine Collagen Essence Strip

 photo BRANDRuby203.jpg
BRAND’s InnerShine RubySignature Essence เป็นเอสเซ้นส์น้ำที่มีรสชาติดื่มง่าย เหมือนกับน้ำผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวอมหวาน ถ้าแช่เย็นเจี๊ยบจะอร่อยมาก เนื้อเอสเซ้นส์น้ำเมื่อส่องกับแสงไฟจะออกเป็นสีส้มแดง ซึ่งเป็นสีของตัว Astaxanthin นั่นเอง

 photo BRANDRuby204.png
สาเหตุหนึ่งที่กว่าจะเอามาอัพเดทผลหลังการดื่มครบ 6 สัปดาห์ ได้ล่าช้า นั่นก็เพราะว่าช่วงสัปดาห์แรกที่เริ่มทาน ปูเป้ลืมสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งไป นั่นก็คือในเมื่อปูเป้ทานทั้ง Astaxanthin และ Collagen เป็นประจำอยู่แล้ว การจะทดลองผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมเหมือนกัน ก็ควรจะหยุดทานของเก่าที่เคยทานเป็นปกติดูก่อน ปูเป้จึงหยุดทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทุกชนิดที่เคยทานเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ก่อนที่จะเริ่มทาน BRAND’s InnerShine RubySignature Essence อีกครั้งหนึ่ง

ต้องบอกว่าการหยุดทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร พวกวิตามินต่าง ๆ สารสกัดจากพืชที่ช่วยเริ่มภูมิคุ้มกัน (ผมเป็นภูมิแพ้น่ะ) แล้วก็ Astaxanthin และ Collagen ก็เห็นได้อย่างชัดเจนในช่วงสัปดาห์แรกเลยว่าเหมือนผิวมันไม่ชุ่มชื้นเหมือนก่อน (และช่วงสัปดาห์หลัง ๆ อ่านหนังสือหนัก นอนน้อย ภูมิแพ้กำเริบอีก สภาพย่ำแย่เลย)

หลังจากเริ่มทาน BRAND’s InnerShine RubySignature Essence ติดกันเป็นสัปดาห์ที่ 2 รู้สึกว่าผิวมีความชุ่มชื้นขึ้น แล้วใครที่ตามใน Facebook ก็น่าจะรู้ว่าช่วงนั้นปูเป้มีการไปกดสิว และเริ่มรักษารอยสิว พบว่าผิวมีการฟื้นตัวที่ค่อนข้างดีทีเดียว และไปทริปต่างจังหวัด ไปชะอำ เจอแดดแรง ๆ ก็ไม่คล้ำลงเท่าไหร่ (ทากันแดดรอบเดียวทั้งวัน)

โดยส่วนตัวปูเป้ค่อนข้างไว้วางใจในคุณสมบัติของ Astaxanthin อยู่แล้ว เพราะกินมานานและเห็นผลดีในเรื่องของการบำรุงสายตา สุขภาพ แล้วก็ในเรื่องของการลดความเสียหายจากแสงแดดเมื่อใช้คู่กับครีมกันแดดเป็นประจำ ส่วนของ Collagen ปูเป้เริ่มมาทานได้ไม่ถึงปี ซึ่งทานเพื่อคาดหวังในเรื่องของความชุ่มชื้นของผิว ไม่ได้คิดว่ามันจะไปช่วยเติมคอลลาเจนแต่อย่างใด และก็ได้ผลเป็นที่พอใจจากตรงนี้

อย่างไรก็ดี ปูเป้ต้องทาน BRAND’s InnerShine RubySignature Essence ถึง 2 ขวดครึ่ง เพื่่อที่จะได้ปริมาณคอลลาเจนเท่ากับที่ปกติทานอยู่แล้วในแต่ละวัน และต้องทานถึง 4 ขวด เพื่อให้ได้ Astaxanthin เท่ากับที่ปกติทานอยู่แล้ว ส่วนตัวจึงคิดว่าคงจะดีไม่น้อยหากทางแบรนด์จะลองปรับให้เราได้ปริมาณของ Astaxanthin และ Collagen ที่ต้องการได้ในขวดเดียว (แบบว่ามันประหยัดกว่าด้วยแหล่ะ)

 photo BRANDRuby205.jpg
อัพเดทสภาพผิวล่าสุดจากเมื่อวันศุกร์ ที่ 13 กันยา ที่ผ่านมาสักหน่อย ในรุปนี้เป็นผิวเปลือยเปล่า หลังจากนวดหน้ามา แม้จะยังเห็นรอยสิวที่เห่อหนักในช่วงกลางปีที่ผ่านมาอยู่บ้าง แต่ก็รู้สึกว่าผิวดีขึ้นจากการที่เราดูแลตัวเองครบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ Skincare ในการดูแลผิวพื้นฐาน การปกป้องผิวจากแสงแดดเป็นประจำ การทำทรีตเทนต์เพื่อลดรอยสิว และการปกป้องความร่วงโรยของผิวจากภายในด้วยการอาหารให้ครบทุกมื้อ ดื่มน้ำเยอะ ๆ แล้วก็มี BRAND’s InnerShine RubySignature Essence มาช่วยเสริม

ช่วงเดือนที่ผ่านมา ปูเป้ออกจากบ้านโดยไม่พึ่งเบส รองพื้น หรือบีบีครีมเลย ใช้แค่สกินแคร์ปกติทากันแดดแล้วก็ลงแป้งฝุ่นแบบโปร่งแสงก็รู้สึกว่าผิวโอเคแล้ว ถึงจะไม่กริ้บไร้ร่องรอยทั้งหมด แต่ก็ดีขึ้นมาก ไม่อยากจะโบกอะไรไปปิดทับให้เป็นสิวหรืออุดตันเพิ่มล่ะ