photo BiothermBTSIO01.png



นับวันเครื่องสำอางบำรุงผิวมีแต่จะมากขั้นตอนมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก่อนมี Pre-Serum มาให้เราขยันโบกบำรุงเพิ่มแล้ว ตอนนี้ยังมี Post-Serum มาให้เราได้เพิ่มขั้นตอนเข้าไปอีก ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ว่านี้ก็คือ Biotherm : Blue Therapy Serum-In-Oil (30ml , 2,600 THB) ที่วางจำหน่ายในต่างประเทศมาสักพักใหญ่ ๆ แล้ว แต่พึ่งได้ฤกษ์เปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายนนี้

จุดขายของผลิตภัณฑ์ตัวนี้คือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยต่อต้านและชะลอการเกิดริ้วรอย และเสริมการบำรุงปราการปกป้องผิวหรือ Skin Barrier ให้แข็งแรงขึ้นในตอนกลางคืน ซึ่งเป็นช่วงที่ผิวจะมีโอกาสสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่าย ซึ่งมาพร้อมกับเนื้อสัมผัสแบบ Serum-In-Oil ซึ่งทำให้ผลิตภัณฑ์หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับผิวดั่งออยล์ แต่ให้การบำรุงเข้มข้นและบางเบาดุจเซรั่มนั่นเอง

ส่วนผสมสำคัญในผลิตภัณฑ์แยกออกเป็นส่วนของ Algae Extract กับ Ceramide และ Botanical Oil

 photo AlgaeExtract.png
ส่วนผสมของสารสกัดจากสาหร่ายที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ตัวนี้มี 2 ชนิด คือ Algae Extract (Aphanizomenon Flos-Aquae Extract) ซึ่งคาดว่าเป็นสารที่ใช้ชื่อทางการค้าว่า Lanablue® ซึ่งทางผู้ผลิตสารเคลมถึงคุณสมบัติที่คล้ายกับการทำงานของสารกลุ่ม Retinoid ในการเสริมความเรียบเนียนของผิวเพื่อลดเลือนริ้วรอยด้วยการกระตุ้น Marker ที่เกี่ยวข้องกับการแบ่งตัวของเซลล์ผิวอย่าง Calgranulin A กับ Calgranulin B และ Psoriasin นอกจากนี้ยังรวมไปถึง Loricrin แบะ Filaggrin ที่ควบคุมการแปลงสภาพของเซลล์ผิว แต่ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง แต่ยังไม่มีข้อมูลอื่นที่จะมาสนับสนุนคำเคลมของผู้ผลิต

สารสกัดอีกอย่างหนึ่งคือ Laminaria Ochroleuca Extract ซึ่งน่าจะเป็นสารที่มีชื่อว่า Ocea Defence® ซึ่งทางผู้ผลิตเคลมถึงหลายคุณสมบัติตั้งแต่ช่วยลดการอักเสบ เสริมการสร้างแอนติออซิแดนท์เอนไซม์ในเซลล์ รวมไปถึงลดการทำงานของเอนไซม์ Matrix Metalloproteinase หลายชนิด ซึ่งการลดการทำงานของเอนไซม์ที่ทำลายโครงสรา้งโปรตีนเหล่านี้จะช่วยปกป้องและยืดอายุให้กับโครงสร้างโปรตีนที่เป็นเหมือนกับโครงสร้างของผิว อย่างเช่น คอลลาเจน อีลาสติน เป็นต้น ข้อมูลจากแหล่งอื่นที่พอจะหาได้คือสาหร่ายชนิดนี้มีคุณสมบัติในการลดการอักเสบโดยการลดการหลัง Cytokine IL-1α และ IL-6 ที่ทำให้เกิดการอักเสบ และ Prostaglandin E2 ที่มีบทบาทในการสงเคราะห์ Cytokine

(Source : Laminaria ochroleuca extract reduces skin inflammation.)

จริงๆ แล้วยังมีส่วนผสมของสาหร่ายอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือ Haematococcus Pluvialis Extract ซึ่งเป็นแหล่งของ Astaxanthin ที่ใช้กันในวงการผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร แต่ในผลิตภัณฑ์ตัวนี้ก็ใส่ Astaxanthin เป็นสารแยกมาต่างหากด้วย สารชนิดนี้มีคุณสมบัติละลายในน้ำมัน และต้านอนุมูลอิสระ และมีสีออกส้มแดง มีการศึกษาในญี่ปุ่นถึงคุณสมบัติในการบำรุงผิวเมื่อนำมาใช้ในเครื่องสำอางอยู่เหมือนกัน

 photo OilComplex.png
ทางด้านของส่วนผสมของน้ำมันก็มีการเลือกใช้น้ำมันจากพืชรวมกัน 4 ชนิด

Glycine Soja (Soybean) Oil มีกรดไขมันและมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ

Rosa Canina Fruit Oil หรือน้ำมันโรสฮิปนั้นเป็นน้ำมันที่มีประโยชน์มากไม่ว่าจะเป็นางการรับประทานหรือทาลงไปบนผิว มันมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระที่ดีและยังช่วยลดการอักเสบของผิวอีกด้วย

Ribes Nigrum (Black Currant) Seed Oil เป็นแหล่งของ Linoleic Acid ซึ่งช่วยปรับปรุงคุณภาพของ Sebum บนผิว และยังมีวิตามินอี และสารกลุ่ม Phenolic ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ

Helianthus Annuus (Sunflower) Seed Oil น้ำมันดอกทานตะวันอุดมไปด้วยกรดไขมันที่จำเป็น การศึกษาพบว่าน้ำมันดอกทานตะวันช่วยเสริมความแข็งแรงของปราการปกป้องผิวเพื่อลดโอกาสที่จะเกิดการติดเชื้อทางผิวหนังในเด็กอ่อนได้

(Source : A systematic review on the Rosa canina effect and efficacy profiles., Characterization of Canadian Black Currant (Ribes nigrum L.) Seed Oils and Residues., Effect of topical treatment with skin barrier-enhancing emollients on nosocomial infections in preterm infants in Bangladesh: a randomised controlled trial.)

 photo BiothermBTSIO3.png


นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมของเซราไมด์สามชนิด ได้แก่ Ceramide-3 กับ 2-Oleamido-1,3-Octadecanediol และ Hydroxypalmitoyl Sphinganine (Ceramide Precursor) ซึ่งจะไม่พูดอะไรมากเนื่องจากเซราไมด์เป็นส่วนผสมที่เป็นรู้จักกันดี มีประโยชน์ทั้งในการเสริมความแข็งแรงของ Skin Barrier และยังสามารถทำการสื่อสารระหว่างเซลล์เพื่อช่วยลดการอักเสบ หรือแม้กระทั่งช่วยลดการสร้างเม็ดสีที่มากเกินไป

ส่วนที่จะขาดไม่ได้เลยก็คงจะหนีไม่พ้น Vitreoscilla Ferment หรือ Life Plankton ซึ่งเป็นส่วนผสมที่ปูเป้ชอบมากอีกหนึ่งตัว นอกจากนี้ยังมี Adenosine มาด้วย โดยข้อมูลของส่วนผสมสองตัวนี้สามารถย้อนกลับไปอ่านในรีวิวตัวเก่าได้ที่รีวิวของ Biotherm : Life Plankton Essence

ส่วนผสมอื่นๆ ก็ได้แก่น้ำ กลีเซอรินซิลิโคน อิมัลซิไฟเออร์ แอนติออกซิแดนท์ สารกันเสีย น้ำหอม และสี

Ingredients : Aqua/Water, Glycerin, Glycine Soja (Soybean) Oil, Dimethicone, Caprylic/Capric Triglyceride, Alcohol Denat., Isocetyl stearate, Isonoyl Isonanoate, Pentylene Glycol, Polyglyceryl-2 Stearate, Stearyl Haptanoate, PEG-8 Stearate, Sorbitol, Stearic Acid, Stearyl Caprylate, Algae Extract, Ceramide-3, Rosa Canina Fruit Oil, Astaxanthin, Ribes Nigrum (Black Currant) Seed Oil, Triethanolamine, Helianthus Annuus (Sunflower) Seed Oil, Laminaria Ochroleuca Extract, 2-Oleamido-1,3-Octadecanediol, Haematococcus Pluvialis Extract, Palmitic Acid, Rosmarinus Offinalis (Rosemary) Leaf Extract, Adenosine, Disodium Stearoyl Glutamate, Hydroxypalmitoyl Sphinganine, Caprylyl Glycol, Vitreoscilla Ferment, Cetyl Alcohol, Tocopherol, Pentaerythrityl Tetra-Di-t-Butyl Hydroxyhydrocinnamate, Phenoxyethanol, CI 14700/RED 4, CI 19140/Yellow 5, Linalool, Geraniol, Limonene, Citral, Citronello, Benzyl Alcohol, Benzyl Salicylate, Parfu,/Fragrance. (F.I.L. B164018/1)

 photo BiothermBTSIO4.png
แต่สิ่งที่น่าสนใจคือทาง Biotherm ได้นำส่วนผสมทั้งหมดนี้มารวมกันในรูปแบบของเนื้อสัมผัสที่ใช้เทคนิคในการผลิตพอสมควร เพราะว่าหากปราศจากเทคนิคที่ว่านี้ผลิตภัณฑ์สำเร็จที่ออกมาก็จะเป็นเนื้อครีมขาวขุ่นข้นอย่างที่เห็นกันทั่วไป

น้ำ กับ น้ำมัน เข้ากันไม่ได้ แต่ด้วยความช่วยเหลือของสารกลุ่ม Emulsifier สามารถทำให้น้ำ กับน้ำมัน สามารถรวมเข้ากันได้ในรูปของการกระจายตัวของอานุภาคน้ำมันขนาดเล็กแทรกเข้าไปในน้ำ (Oil-in-Water Emulsion) หรืออานุภาคน้ำแทรกเข้าไปในน้ำมันก็ได้ (Water-in-Oil Emulsion) เป็นกระบวนการที่เรียกว่า Emulsification ซึ่งผลที่ได้เบ็ดเสร็จเราจะเรียกว่า Emulsion

เหตุผลที่เราเห็น Emulsion เป็นสีขาวขุ่นเพราะว่าอานุภาคของที่แทรกเข้าไปแล้ว ถึงแม้จะเล็กมากจนมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น แต่ก็ใหญ่พอที่จะหักเหคลื่นแสงที่กระทบได้ ซึ่งเราจะเรียกว่า Macroemulsion

แต่เมื่อใดก็ตามที่อานุภาคที่แทรกเข้าไปมีขนาดเล็กม๊ากกกกกก เล็กจนแทบไม่ทำให้เกิดการหักเหของคลื่นแสงที่ส่องเลย ผลที่ได้ก็คือระบบของอิมัลชั่นที่โปร่งใส หรือ Microemulsion นั่นเอง

 photo BiothermBTSIO5.png


Biotherm : Blue Therapy Serum-In-Oil เป็น Microemulsion ชนิด Oil-in-Water ที่ใช้ High-Pressure Homogenizer ในการอัดแรงดันที่มากถึง 800 Bar เพื่อย่อขนาดอนูของน้ำมันให้เล็กลงเหลือเพียง 50 นาโนเมตร ซึ่งเล็กกว่าอนูของหยดน้ำมันในอิมัลชั่นทั่วไป ซึ่งมีขนาดประมาณ 1 ไมครอน (1,000นาโนเมตร) ถึง 20 เท่า ซึ่งทำให้ส่วนผสมของน้ำมันที่มีประโยชน์กับผิว รวมไปถึงเซราไมด์สามารถแทรกกลืนเข้าไปในช่องว่างระหว่างผิวชั้นนอกเพื่อไปทดแทน Lipid ที่ขาดหายได้ทันทีในทางทฤษฏี ข้อดีอีกอย่างหนึ่งคือ Micro Emulsion มีความเสถียรและคงตัวสูงมากทีเดียวล่ะ

(Note : ขนาดของ Microemulsion ตามทฤษฏีจะอยู่ที่ประมาณ 1 – 100 นาโนเมตร แต่ในตำราคาอ่านเขาบอกว่า Microemulsion ควรจะมีขนาดน้อยกว่าหรือเท่ากับ 50 นาโนเมตร แขนาดที่ใหญ่กว่าตั้งแต่ 50 – 200 นาโนเมตร จะเรียกว่า Nanoemulsion ซึ่งถือเป็นอีมัลชั่นที่ Kinetic Stable แต่ Thermodynamic Unstable)

 photo BiothermBTSIO6.png

ตัวเซรั่มจะมีความคงตัวค่อนข้างดีเมื่อปั้มออกมา แต่เมื่อเริ่มเกลี่ยไปความคงตั้วนั้นจะเริ่มลดลงอย่างช้า ๆ เริ่มละลาย

ด้วยแรงทางกายภาพและประจุอิออนที่มีอยู่บนผิวของเราทำให้โครงสร้างของอิมัลชั่นเริ่มอ่อนแอและแตกตัวออก เราจะได้สัมผัสเย็นสดชื่นจากส่วนของน้ำที่กระจายตัวและระเหยออกไป เหลือทิ้งไว้แต่ส่วนของน้ำมันอนูละเอียดที่คลุมผิวเป็นชั้นบาง ๆ พร้อมกับกลิ่นหอมที่ออกโทนสดชื่นออกแนวผลไม้เปรี้ยว ๆ ไม่ฉุนจนเกินไป ถือว่ากลิ่นอยู่ใระดับที่รับได้เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของแบรนด์นี้ที่บางทีเราก็ชอบผลิตภัณฑ์นะ แต่กลิ่นนี่ต้องขอโบกธงยอมแพ้…

 photo BiothermBTSIO02.png


จากการทดลองใช้ แม้เนื้อผลิตภัณฑ์จะถูกทำขึ้นมาเพื่อนำเสนอวิธีการในการนำคุณค่าการบำรุงของน้ำมันมาสู่ผิวในรูปแบบที่น่าประทับใจ ไม่เหนอะ ไม่เหนียว ไม่หนืด แต่น้ำมันก็ยังคงเป็นน้ำมัน เราจะยังสัมผัสได้ถึงการเคลือบผิวบาง ๆ

ในช่วงที่ทำการทดลอง ก็มีการใช้ควบคู่ไปกับ Biotherm Life Planton Essence กับ Biotherm Blue Therapy Serum ซึ่งตัวเอสเซนส์เองก็มีความข้นและฉ่ำผิวในระดับหนึ่งแล้ว ตามด้วยเซรั่ม และปิดท้ายด้วย Biotherm : Blue Therapy Serum-In-Oil ก็รู้สึกว่าพอดีสำหรับตัวเองแล้ว แม้ว่าทางแบรนด์จะแนะนำให้ใช้ Biotherm : Blue Therapy Serum-In-Oil และตามด้วยมอยซ์เจอไรเซอร์เป็นขั้นตอนสุดท้ายก็ตาม (ถ้าผิวไม่ได้แห้งหรือแห้งมาก หรือมอย์เจอไรเซอร์ที่ใช้มีเนื้อที่บางมากหรือเซ็ทตัวแบบกึ่งแมท ก็คงจะรู้สึกว่ามันเยอะและเยิ้มเกินไปหน่อย)

ผลที่ได้ ปูเป้ไม่ได้มีปัญหาเรื่องริ้วรอยก็คงบอกตรงนี้ไม่ได้ ปัญหาที่ตัวเองมีในตอนนี้คงจะเป็นเรื่องของความกระชับของผิวจากข้างใน เวลานั่งเท้าคางแล้วรอยยับบนผิวมันไม่เด้งคืนตัวเร็วเหมือนแต่ก่อน ซึ่งการทดลองใช้ในระยะเวลาแค่เกือบหนึ่งเดือนก็ยังไม่ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในส่วนนี้เท่าไหร่ แต่สิ่งที่ประทับใจคือแม้จะนอนดึก + ใช้ BHA2% เพื่อรักษาสิวที่โผล่มาในช่วงก่อน แต่ผิวก็ไม่แห้งหรือขาดน้ำ ไม่ลอก ไม่แดง รู้สึกว่าผิวแข็งแรง นุ่มและฟูขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นผลจากการเสริมความแข็งแรงของชั้นปกป้องผิวนั่นเอง

สำหรับเรื่องสิว ในสองวันแรกที่เริ่มใช้ก็มีสิวขึ้นมา 3 จุด ซึ่งก็ยังไม่อยากสรุปว่าเป็นเพราะตัวนี้เนื่องจากเราก็ใช้ BHA เพื่อช่วยเรื่องสิวด้วย แถมนอนดึกด้วย ก็เลยตัดสินใจใช้ต่อไปโดยมีการปรับลดขั้นตอนของผลิตภัณฑ์ที่ใช้ด้วย ซึ่งหลังจากนั้นสิวก็ไม่ได้ขึ้นเพิ่ม แต่ก็ขอแนะนำให้คนที่จะลองใช้ตัวนี้อาจจะต้องทำการบ้านในการปรับขั้นตอนการบำรุงผิวให้สมดุลด้วย อะไรที่น้อยไปหรือเยอะเกินไปก็ไม่ดี

สรุปเอาไว้สั้น ๆ ว่า Biotherm : Blue Therapy Serum-In-Oil นั้นดูจะเหมาะกับคนที่มีปัญหาเรื่องปราการปกป้องผิวไม่แข็งแรง ผิวดูอิดโดย หยาบกร้าน พื้นผิวไม่เรียบเนียน ขาดความชุ่มชื้น หรือเป็นผิวขาดน้ำ ซึ่งปัญหาที่ว่ามานี้จะเริ่มชัดเจนขึ้นหลังเลยเบญจเพศ และเห็นได้ชัดขึ้นเรื่อยๆ หลังอายุขึ้นเลข 3 เป็นต้นไป สำหรับเรื่องของริ้วรอยนั้นปูเป้ยังหาข้อมูลจากแหล่งอื่นมาสนับสนุนไม่ได้ และโดยส่วนตัวก็ยังไม่มีปัญหาเรื่องเส้นริ้วรอยที่จะดูผลในเรื่องนี้ได้ชัดเจนนัก จึงคงบอกว่าตัวนี้จะคาดหวังผลในเรื่องริ้วรอยได้ขนาดไหน

ในระหว่างที่ทดลองนี้เรารู้สึกว่ารอยสิวจางลงและสีผิวสม่ำเสมอขึ้น แต่คิดว่าผลน่าจะมาจากตัว Blue Therapy Serum ที่ใช้คู่กันมากกว่าเพราะว่ามีผสมวิตามินซีในรุปแบบของ Ascorbyl Glucoside ด้วย

สำหรับคำถามว่า “จะแพ้มั้ย” “ใช้แล้วอุดตันรึเปล่า?” เป็นคำตอบที่ปูเป้บอกไม่ได้ครับ อาการแพ้เป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปในทุก ๆ คน สำหรับการอุดตันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวโดยรวมของแต่ละคนเอง นอกจากนี้คนเรายังไวต่อการอุดตันของสารแต่ละตัวไม่เหมือนกันด้วย ดังนั้นก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตาม ควรทดสอบและทดลองใช้ก่อนทุกครั้ง

PS. มี่ส่วนผสมของ Alcohol Denat. แต่มีส่วนผสมของ Oil / Silicone / Emollients เยอะกว่ามาก ส่วนตัวมีความเห็นว่าจึงไม่ต้องกังวลเรื่องทำให้ผิวแห้ง

ข้อดี

– มีส่วนผสมของน้ำมันจากพืชและเซราไมด์ที่ช่วยบำรุงให้ผิวแข็งแรง
– เนื้อสัมผัสที่น่าประทับใจ
– ช่วยต้านอนุมูลอิสระและลดการอักเสบของผิวได้
– ช่วยลดความหยาบกร้าน ผิวนุ่มและชุ่มชื้นได้ตลอดทั้งคืน
– บรรจุภัณฑ์ลดการสัมผัสแสงและอากาศ

ข้อเสีย

– มีส่วนผสมน้ำหอมและสี
– ส่วนผสมบางชนิดยังไม่มีข้อมูลจากแหล่งแหล่งอื่นมาสนับสนุน

***Sponsored Item***

– Biotherm : Blue Therapy Serum-In-Oil