หลายคนบ่นโอดบ่นอุบว่า ไวท์เทนนิ่งที่มารีวิวนั้นน่าสนใจกระตุ้นต่อมอยากมาก แต่หนูสู้ราคาไม่ไหว!!! ไม่เป็นไร วันนี้เรามีตัวเลือกผลิตภัณฑ์ที่ราคาเบาลงมาแต่ก็น่าสนใจไม่หยอก นั่นก็คือ AQUALABEL จากเครือ Shiseido นั่นเอง

ชุดผลิตภัณฑ์ AQUALABEL ที่จำหน่ายในไทยมีทั้งหมด 3 ไลน์ ไวท์เทนนิ่ง (สีน้ำเงิน) / สิว + ไวท์เทนนิ่ง (สีเขียวอมฟ้าน้ำทะเล) / ความชุ่มชื้นล้ำลึก (สีแดง) โดยที่จะเอามารีวิวนี้เป็นไลน์ไวท์เทนนิ่ง (แน่ล่ะ) ซึ่งสามารถหาซื้อได้ใน Watson บางสาขา (เขาว่า 60 สาขาทั่วประเทศ) แม้อาจจะต้องควานหากันสักหน่อยแตเชื่อว่าก็คุ้มค่าที่จะตามหาอยู่

เอาเป็นว่าใครที่อยากได้ไวท์เทนนิ่งที่คาดหวังผลได้ หาซื้อไม่ยากจนเกินไป ราคาไม่สูงจนเกินเอื้อม ที่สำคัญคือให้สัมผัสที่ไม่หนักผิวและเหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นแบบบ้านเรามาก ๆ แล้วล่ะก็ ห้ามข้ามรีวิวนี้เด็ดขาด

AQUALABEL : Bright White EX (45ml / 750 THB)

เซรั่มหลอดนี้ให้มาในปริมาณที่ค่อนข้างเยอะกว่าเซรั่มทั่วไป (ปกติเซรั่มมักจะมาในขนาด 30ml น่ะ) ส่วนผสมของสารไวท์เทนนิ่งหลักคือ Tranexamic Acid ซึ่งสารตัวนี้ก็มีในรูปแบบของยารับประทานที่มีคนเอามากินเพื่อให้สีผิวซีดขาวขึ้นเหมือนกัน (แต่ก็ไม่แนะนำเพราะว่ายาตัวนี้มีโอกาสทำให้เกิดลิ่มเลือดไปอุดตันในเส้นเลือดได้ ผลที่ร้ายแรงที่สุดคือถึงตายทีเดียวล่ะ)

Shiseido เป็นเจ้าแรกที่จดสิทธิบัติในการนำ Tranexamic Acid มาใช้เป็นสารไวท์เทนนิ่งเมื่อปี 2002 สารตัวนี้มีคุณสมบัติเป็น Anti-Plasmin ซึ่งส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ในการลดการอักเสบของผิวและลดการส่งสัญญาณของเปปไทด์ α-MSH ที่จะไปสั่งให้เซลล์เม็ดสีผลิตเม็ดสีขึ้นจึงลดกาผลิตเม็ดสีผิวได้นั่นเอง โดยทางแบรนด์บอกว่าในเซรั่มนี้มี Tranexamic Acid เข้มข้นเป็น 2 เท่า เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์อื่นในไลน์ ดังนั้นใครที่สนใจ Tranexamic Acid และมีงบพอที่ที่จะซื้อผลิตภัณฑ์แค่ชิ้นเดียวก็จัดตัวเซรั่มไปได้เลย

ส่วนผสมเสริมคือ Dipotassium Glycyrrhizate ที่ช่วยลดการระคายเคืองและเป็นไวท์เทนนิ่งได้ด้วย (เซรั่มตัวนี้ไม่มีส่วนผสมของไฮยาลูรอน 2 ขนาดโมเลกุลเหมือนกับตัวบำรุงอื่นในไลน์ จึงเป็นตัวที่เน้นเรื่องไวท์เทนนิ่งเป็นหลักอย่างแท้จริง)

เนื้อเซรั่มบางเบามากทีเดียว และไม่มีส่วนผสมของ Alcohol / Ethanol ด้วย แต่จะใช้ซิลิโคนชนิดระเหยไวมาแทน ข้อเสียนิดหน่อยก็คงจะเป็นส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหยจากผิวส้มและดอกลาเวนเดอร์ที่ให้กลิ่นหอม แต่ในปริมาณที่ค่อนข้างน้อยและกลิ่นก็ไมได้ออกชัดนัก ก็ถือว่ามีโอกาสก่อปัญหาต่ำ (และส่วนตัวใช้แล้วไม่มีปัญหาอะไรด้วยแหล่ะ)

Ingredients : Water, Cyclomethicone, Dipropylene Glycol, PEG/PPG-14/7 Dimethyl Ether, Tranexamic Acid, Behenyl Alcohol, Dimethicone, Triethylhexanoin, Phenoxyethanol, Glycerin, Batyl Alcohol, Behenic Acid, PEG-60 Glyceryl Isostearate, PEG-10 Dimethicone, Disodium EDTA, Dipotassium Glycyrrhizate, Polyquaternium-51, Sodium Metabisulfite, Citrus Aurantium Dulcis (Orange) Oil, Lavandula Angustifolla (Lavender) Oil, Potassium Hydroxide, Sodium Hyaluronate, Tocopherol.

AQUALABEL : Deep Clear Oil Cleansing (150ml / 450 THB)

เป็นออยล์ทำความสะอาดเครื่องสำอางแบบมาตรฐานที่ทำหน้าที่ในการละลายเมคอัพ ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดให้หลุดออกมาได้อย่างไม่ยากเย็นนัก (บางทีเวลานวด สิวอุดตันที่พร้อมจะหลุดออกมันก็จะหลุดออกมาด้วย) ความรู้สึกหลังพรมน้ำให้เป็นน้ำนมและล้างออกจะไม่ทำให้ผิวแห้ง เหมือนมีอะไรเคลือบผิวอยู่เล็กน้อย ซึ่งสามารถขจัดออกให้หมดไปได้ด้วยการใช้โฟมหรือ Cleanser ล้างซ้ำอีกหนึ่งที

ส่วนตัวสมัยก่อนจะเป็นคนที่ไม่ค่อยถูกกับ Oil ล้างหน้าเท่าไหร่ เพราะใช้ทีไรก็อุดตันเป็นสิว แต่หลังจากได้รู้วิธีการใช้ที่ถูกต้อง ว่าจำเป็นจะต้องให้ความสำคัญกับขั้นตอนการพรมน้ำและนวดให้น้ำจับกับน้ำมันให้กลายเป็นน้ำนมให้ได้มากที่สุดเพื่อไม่ให้มีน้ำมันตกค้างในรูขุมขน ตอนนี้เลยใช้พวก Oil ล้างหน้าโดยไม่มีปัญหาแล้ว ใครที่เคยใช้ Oil แล้วมีปัญหา ยังไงลองเอาวิธีนี้ไปทำดูนะ

Ingredients : Mineral Oil, Cetyl Ethylhexanoate, PEG-12 Diisostearate, Diphenylsiloxy Phenyl Trimeihicone, PEG-10 Isostearate, Water, lsostearyl Alcohol, PEG-8 Diisostearate, Alcohol, Fragrance, BHT, Tetrahydroxypropyl Ethylenediamine, PEG/PPG-35/40 Dimethyl Ether, Glycerin, Butylene Glycol, Tocopherol, Lactic Acid, Magnesium Chloride, PCA, Sodium Hydroxide, Calcium Chloride, Hydrogenated Lecithin, PEG-30 Soy Sterol, Phenoxyethanol, Potassium Hydroxide, Trisodium EDTA, Citric Acid.

AQUALABEL : White Clear Foam (130g. / 390 THB)

นี่เป็นโฟมล้างหน้าแบบฉบับญี่ปุ่นโดยแท้ เพราะสามารถวิปโฟมก่อฟองได้นุ่มแน่นทีเดียวเชียว สารทำความสะอาดที่ใช้คือกลุ่ม Fatty Acid + ด่าง ซึ่งมีโอกาสทำให้ผิวแห้งกร้านได้ การวิปโฟมให้ฟูฟ่องจะเจือจางสารทำความสะอาดลงก็ลดผลกระทบตรงนี้ไปได้บ้าง ฟิงโฟมขนาดเล้กละเอียดจะเป็นเหมือนเบาะที่คั่นระหว่างผิวหน้ากับนิ้วมือช่วยการเสียดสี และอนูฟองที่เล็กมากจะไปจับกับน้ำมันที่ตกค้างจากการใช้ Oil ล้างหน้าได้ดีขึ้น แต่กับผิวที่แห้งถึงแห้งมาก ปูเป้ก็จะไม่แนะนำให้ใช้อยู่ดีนะ…

สำหรับผิวประเภทอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ผิวมันถึงมันมาก การใช้โฟมแบบนี้ต้องมั่นใจว่าเราได้มีการเติมความชุ่มชื้นและมีการชดเชยน้ำมันเคลือบผิวที่เสียไปอย่างเหมาะสมด้วย ถ้าทำไมได้ก็ไม่แนะนำให้ใช้อีกเหมือนกัน

โฟมตัวนี้มีเม็ดสครับ Polyethylene จำนวนเล็กน้อย และหลังจากวิปโฟมแล้วมันก็ยิ่งรู้สึกว่าน้อยเข้าไปใหญ่จึงไม่เกิดประโยชน์อะไรนัก ส่วนตัวใช้โฟมตัวนี้คู่กับผลิตภัณฑืในไลน์ครบชุด ปรากฏว่าผิวไม่มีอาการแห้งหรือระคายเคืองเกิดขึ้นเพราะมีการชดเชยความชุ่มชื้นและน้ำมันเคลือบผิวที่พอดีนั่นเองจ้า

Ingredients : Water, Myristic Acid, Glycerin, Stearic Acld, Potassium Hydroxide, Sorbitol, Dipropylene Glycol, Lauric Acid, PEG-60 Glyceryl lsoetearate, PEG-6, PEG-32, Polyethylene, Glycol Distearate, Glyceryl Stearate SE, Disodlum EDTA, Fragrance, Talc, PEG/PPG-35/40 Dimethyl Ether, Ethylcellulose, Zinc Oxide, Butylene Glycol, Sodlum Hyaluronate, Tocopherol, Lactic Acid, Phenoxyethanol, Magnesium Chloride, PCA, Sodium Hydroxide, Calcium Chloride, Hydrogenated Lecithin, PEG-30 Soy Sterol, Trieodium EDTA, Citric Acid.

AQUALABEL : White Up Lotion (200ml / 590 THB)

โลชั่นน้ำบำรุงผิวนี้แบ่งเป็นสองสูตร (S) จะสำหรับผิวผสมถึงผิวมัน และ (R) สำหรับผิวธรรมดาถึงผิวแห้ง สิ่งที่แตกต่างกันคือสูตร (R) จะมีปริมาณแอลกอฮอล์น้อยกว่า และมี Slip Agent ที่เป็นตัวเคลือบผิวและให้ความชุ่มชื้นที่มากขึ้น

ในแง่ของการเป็นไวท์เทนนิ่ง ก็มี Tranexamic Acid เป็นตัวหลักชูโรง และส่วนผสมที่เพิ่มมากคือ Paeonia Suffruticosa Root Extract ซึ่งเป็นสารสกัดที่ได้จากรากของต้นโบตั๋นที่สารประกอบที่แยกออกมาได้ทั้ง 6 ชนิด (Kaempferol, Quercetin, Mudanpioside B, Benzoyloxypaeoniflorin, Mudanpioside H และ Pentagalloyl-Beta-(D)-Glucose) นั้นมีคุณสมบัติในการขัดขวางการทำงานของเอนไซม์ Tyrosinase ทั้งแบบ Competitive และ Non- Competitive สรุปได้ว่าตัวนี้ช่วยทั้งลดการส่งสัญญาณกระตุ้นการผลิตเม็ดสี และลดการผลิตเม็ดสีไปด้วยในตัว

สูตร (S) สำหรับผิวผสมถึงมันจะให้สัมผัสที่เย็นและบางเบามาก ไม่มีร่องรอยความมันหรือรู้สึกว่ามีอะไรเคลือบผิวอยู่เลย ปริมาณแอลกอฮอล์นั้นสูงอยู่ แต่มีไฮยาลูลอน 2 ขนาดโมเลกลุเพื่อมาชดเชยตรงนี้อีกส่วนหนึ่ง โดยรูปแบบมาตรฐานอย่าง Sodium Hyaluronateที่มีโมเลกุลใหญ่กว่าจะให้ความุช่มชื้นในระดับพื้นผิวชั้นนอกสุด ส่วน Sodium Acetylated Hyaluronate ที่มีโมเลกลุลเล็กกว่าจะให้ความชุ่มชื้นในระดับที่ลึกขึ้น (แต่ก็อยู่ในผิวชั้นนอกอยู่ดี) ตัวนี้จึงเหมาะกับผิวผสมออกไปทางมันอย่างที่ว่า แต่ส่วนตัวจะชอบสูตร (R) สำหรับผิวธรรมดาถึงแห้งมากกว่าเพราะให้ความรู้สึกของความชุ่มชื้นที่มากกว่าแม้จะรู้สึกว่ามีอะไรเคลือบผิวอยู่บ้างแต่ก็ไม่เหนอะหนะ (และมีไฮยาลูรอนเหมือนกัน)

วิธีในการใช้โลชั่นน้ำแบบญี่ปุ่นนั้นไม่เหมือนกับการใช้ Toner เสียทีเดียว ควรจะเทสำลีให้ชุ่มพอเหมาะ ปริมาณเท่าเหรียญ 10 บาท และตบประคบลงบนผิวเบา ๆ ให้ทั่วใบหน้า โดยการประคบนี้จะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 นาที หลังจากนั้นให้ใช้ฝ่ามือที่สะอาดประคบผิวเบา ๆ จนกว่าโลชั่นจะซึมแห้งไปจนหมดก่อนจะลงเซรั่มเป็นขั้นต่อไป

White Up Lotion (S) Ingredients : Water, Alcohol, Glycerin, Tranexamic Acid, PEG-6, PEG-32, Phenoxyethanol, PPG-13-Decyltetradeth-24, Sodium Citrate, Disodium EDTA, Citric Acld, Fragrance, Erythritol, PEG/PPG-14/7 Dimethyl Ether, Butylene Glycol, Sodium Metabisulfite, Sodium Hyaluronate, Saxifraga Sarmentosa Extract, Lactic Acid, Paeonia Suffruticosa Root Extract, Magnesium Chloride, PCA, Sodium Acetylated Hyaluronate, Sodium Hydroxide, Tocopherol, Calcium Chloride, PEG-30 Soy Sterol, Hydrogenated Lecithin, Polyquaternium-51, Potassium Hydroxide, Trisodium EDTA.

White Up Lotion (R )Ingredients : Water, Dipropylene Glycol, Alcohol, Glycerin, Tranexamic Acid, PEG-6, PEG-32, PEG/PPG-14/7 Dimethyl Ether, Phenoxyethanol, PPG-13-Decyltetradeth-24, Algin, Sodium Citrate, Disodium EDTA, Citric Acld, Fragrance, Erythritol, Butylene Glycol, Sodium Metabisulfite, Sodium Hyaluronate, Saxifraga Sarmentosa Extract, Lactic Acid, Paeonia Suffruticosa Root Extract, Magnesium Chloride, PCA, Sodium Acetylated Hyaluronate, Sodium Hydroxide, Tocopherol, Calcium Chloride, PEG-30 Soy Sterol, Polyquaternium-51, Hydrogenated Lecithin, Potassium Hydroxide, Trisodium EDTA.

AQUALABEL : White Up Emulsion (130ml / 690 THB)

ในการบำรุงผิวแบบญี่ปุ่นนั้น Emulsion ที่เป็นเนื้อน้ำนมค่อนข้างเหลวนั้นจะใช้หลังจากลง Lotion หรือ Serum แล้ว ทำหน้าที่ในการเคลือบเห็บความชุ่มชื้นและสารบำรุงต่าง ๆที่ทาก่อนหน้าให้อยู่บนผิวเราได้นานขึ้น AQUALABEL นำเสนอผลิตภัณฑืกลุ่มนี้เป็น 2 สูตรเช่นกันเดียวกับโลชั่นเพื่อสภาพผิวที่แตกต่าง ซึ่งความแตกต่างหลัก ๆ ก็คือคุณสมบัติในการเคลือบผิวนั่นเอง สูตร (S) สำหรับผิวผสมถึงมันจะมีเนื้อที่บางเบา ไม่ทำให้ผิวมันวาวหลังใช้ ในขณะที่สูตร (R) สำหรับผิวธรรมดาถึงแห้งจะมีการเคลือบผิวที่มากกว่า

ส่วนผสมของสารไวท์เทนนิ่งก็จะให้มาทั้ง Tranexamic Acid และ Paeonia Suffruticosa Root Extract รวมถึงไฮยาลูรอน 2 รูปแบบเพื่อให้ความชุ่มชื้นกับผิวด้วย โดยส่วนตัวจะชอบอีมัลชั่นสูตร (S) ที่มีความบางเบากว่าสำหรับใช้ในตอนกลางวัน เวลาทากันแดดทับลงไปแล้วจะได้ไม่หนักผิวจนเกินไป

วิธีใช้ตัวนี้จะคล้าบกับ Metabolizer ของ IPSA นิดนึงคือเขาให้เทลงบนสำลีในขนาดเท่าเหรียญ 5 บาท และเช็ดไล้บนผิวอย่างแผ่วเบาให้ทั่วหน้า (อันนี้เป็นวิธีที่เวปไซต์ฮ่องกงบอกมา) แต่ส่วนตัวลองใช้ทั้งแบบสำลีเช็ด และ ใช้ปลายนิ้วเกลี่ย + ฝ่ามือประคบ พบว่าให้ผลไม่ต่างกันล่ะ

White Up Emulsion (S) Ingredients : Water, Alcohol, Dipropylene Glycol, Glycerin, Mineral Oil, Dimethicone, Tranexamic Acid, Glyceryl Diisostearate, Phenoxyethanol, Sodium Acrylate/Sodium Acryloyldimethyl Taurate Copolymer, Isohexadecane, PEG-60 Hydrogenated Castor Oil, Acrylates/C10-30 Alkyl Acrylate Crosspolymer, Polysorbate 80, Isostearic Acid, Carbomer, Sorbitan Oleate, Disodium EDTA, Potassium Hydroxide, Lauryl Betaine, Fragrance, PEG/PPG-14/7 Dimethyl Ether, Erythritol, Butylene Glycol, Sodium Metabisulfite, Sodium Hyaluronate, Saxifraga Sarmentosa Extract, Lactic Acid, Paeonia Suffruticosa Root Extract, Magnesium Chloride, PCA, Sodium Acetylated Hyaluronate, Sodium Hydroxide, Calcium Chloride, Polyquaternium-51, PEG-30 Soy Sterol, Hydrogenated Lecithin, Sodium Benzoate, Trisodium EDTA, Citric Acid.

White Up Emulsion (R) Ingredients : Water, Glycerin, Dipropylene Glycol, Cetyl Ethylhexanoate, Hydrogenated Polydecene, Alcohol, Dimethicone, Tranexamic Acid, PEG-5 Glyceryl Stearate, PEG-60 Glyceryl lsoetearate, Phenoxyethanol, Behenyl Alcohol, Stearic Acid, Behenic Acid, Isostearic Acid, Carbomer, Potassium Hydroxide, Disodium EDTA, Fragrance, PEG/PPG-14/7 Dimethyl Ether, Erythritol, Butylene Glycol, Sodium Metabisulfite, Sodium Hyaluronate, Saxifraga Sarmentosa Extract, Lactic Acid, Paeonia Suffruticosa Root Extract, Magnesium Chloride, PCA, Sodium Acetylated Hyaluronate, Sodium Hydroxide, Calcium Chloride, PEG-30 Soy Sterol, Polyquaternium-51, Hydrogenated Lecithin, Potassium Hydroxide, Trisodium EDTA, Citric Acid.

AQUALABEL : Perfect Protect Milk UV SPF50+ PA+++ (45ml / 690 THB)

หลังจากลง Emulsion หรือมอยซ์เจอไรเซอร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในเวลากลางวันก็ต้องตบท้ายด้วยการปกป้องรังสี UV ซึ่งกันแดดตัวนี้กัน UV ได้ครบและเสถียร โดยใช้ Ethylhexyl Methoxycinnamate เป็นตัวเพิ่ม SPF ให้ผลิตภัณฑ์ มี Octocrylene และ Bis-Ethylhexyloxyphenol Methoxyphenyl Triazine เป็นตัวเสริมความเสถียร และใช้ Zinc Oxide เป็นหลักในการปกป้องผิวจากรังสี UVA

กันแดดตัวนี้ไม่มีส่วนผสมของสารไวท์เทนนิ่ง แต่มีไฮยาลูรอน 2 ขนาดเพื่อให้ความชุ่มชื้นแทน ปริมาณแอลกฮอล์มีอยู่แต่ไม่มากนัก เมื่อใช้ครบตามสเต็ปทั้งหมดของไลน์ที่กล่าวมาทั้งหมด ผลที่ได้ผิวก็ไม่แห้ง รู้สึกชุ่มชื้น และให้สัมผัสที่เบาและไม่หนักผิว

เนื้อกันแดดเป้นน้ำนมบางเบาที่ต้องเขย่าขวดก่อนใช้ ส่วนตัวเป็นผิวค่อนข้างขาว ใช้กันแดดตัวนี้แล้วไม่ทำให้ดูผิวขาวขึ้นหรือวอก เนื้อไม่มันแต่ก็ไม่แห้ง ส่วนตัวใช้แล้วพบว่าไม่ได้ช่วยคุมความมันเท่าไหร่ แต่ทำให้ BB ที่ทาลงไปติดผิวดีขึ้น (คือเลือนหรือเลื่อนหลุดน้อยลง)

เมื่อเทียบประสิทธิภาพในการกันแดด ผลทางคอสเมติคที่น่าพอใจ ราคากับปริมาณที่ได้แล้วก็ถือเป็นกันแดดที่โอเคทีเดียวล่ะ

Ingredients : Cyclomethicone, Zinc Oxide, Water, Alcohol, Ethylhexyl Methoxycinnamate, Dimethicone,Polymethyl Methacrylaye, Titanium Dixoide, Octocrylene, Cetyl Ethylhexanoate, PEG/PPG-17/4 Dimethyl Ether, Caprylyl Methicone, Glycerin, PEG-9 Polydimethylsiloxyethyl Dimethicone, Triethoxycaprylylsilane, Methyl Gluceth-10, Aluminum Hydroxide, Stearic Acid, Trimethylsiloxysilicate, Phenoxyethanol, Isostearic Acid, Disteardimonium Hextorite, Fragrance, Disodium EDTA, Bis-Ethylhexyloxyphenol Methoxyphenyl Triazine, BHT, PEG/PPG-36/41 Dimethyl Ether, Tocopherol, Butylene Glycol, Sodium Hyaluronate, Lactic Acid, Magnesium Chloride, PCA, Sodium Acetylated Hyaluronate, Sodium Hydroxide, Calcium Chloride, PEG-30 Soy Sterol, Hydrogenated Lecithin, Potassium Hydroxide, Trisodium EDTA, Citric Acid.

AQUALABEL : White Up Cream (30g. / 690 THB)

คนญี่ปุ่นจะใช้ผลิตภัณฑ์เนื้อ Cream ในตอนกลางคืน โดยจะลงหลังจาก Emulsion อีกทีหนึ่ง เพราะกลางคืนผิวจะสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่ายกว่า แถมยิ่งถ้านอนให้ห้องแอร์อากาศก็จะแห้งกว่าปกติ ดึงความชุ่มชื้นออกจากผิวมากขึ้น จึงใช้ครีมที่เข้มข้นกว่าทาทับ Emulsion เพื่อการนี้

ส่วนผสมของสารบำรุงนั้นคล้ายกับ Emulsion เพียงแต่เนื้อครีมนี้จะมีปริมาณของสารเคลือบผิวที่มากกว่า ดดยใช้ซิลิโคนชนิดเคลือบผิว (Dimethlcone) ในการทำหน้าที่นี้

เนื้อครีมเป็นครีมกึ่งเจลที่เกลี่ยได้ลื่นผิวดี แต่เมื่อเซ้ทตัวบนผิวแล้วจะไม่หนักผิว โดยปูเป้เป็นคนผิวมัน ใช้สเต็ปทั้งหมดจนครบไลน์ (Lotion แบบ R และ Emulsion แบบ S) หลังทาครีมและทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที หน้าก็ไม่มันวาวแต่รู้สึกสบายผิวและชุ่มชื้นดี

ตัวนี้จำเป็นรึเปล่า? ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคนแล้วล่ะ ไปตัดสินใจกันเอาเองดูนะ

Ingredients : Water, Dimethlcone, Alcohol, Glycerin, Dipropylene Glycol, Tranexamic Acid, PEG-10 Dimethicone, Sodium Chloride, PEG-10 Dimethicone Crosspolymer, Polymethylsilsesquioxane, PEG-, Phenoxyethanol, Cellulose Gum, Disodium EDTA, Fragrance, Sodium Metaphosphate, Butylene Glycol, Sodium Metabisulfite, PEG/PPG-14/7 Dimethyl Ether, Sodium Hyaluronate, Saxifraga Sarmentosa Extract, Lactic Acid, Paeonia Suffruticosa Root Extract, Magnesium Chloride, PCA, BHT, Glucosyl Hesperidin, Sodium Acetylated Hyaluronate, Sodium Hydroxide, Calcium Chloride, PEG-30 Soy Sterol, Hydrogenated Lecithin, Potassium Hydroxide, Trisodium EDTA, Citric Acid, CI 77492.

โดยภาพรวมแล้ว AQUALABEL ชุดไวท์เทนนิ่งเป็นไลน์บำรุงผิวที่มีการสร้างสมดุลและเกื้อกูลซึ่งกันและกันเป็นอย่างดี แต่จำเป็นต้องใช้ครบชุดหรือไม่? ก็ตอบว่าไม่จำเป็น อย่างน้อยขั้นตอนการทำความสะอาดเราจะใช้ตัวอื่นก็ได้ ไม่ส่งผลกับเรื่องของไวท์เทนนิ่งอยู่แล้ว หรือถ้าใช้โฟมล้างหน้า อย่างน้อยก็แนะนำว่าควรใช้ Lotion คู่กับ Emulsion เพื่อที่จะให้สมดุลของความชุ่มชื้นที่เพียงพอ ส่วนเซรั่มที่เป็นตัวยืนพื้นก็จะทำงานได้ดีขึ้นถ้าใช้ร่วมกับ Lotion หรือ Emulsion ที่มีสารไวท์เทนนิ่งที่ตัวที่ Serum ไม่มีและมันก็ทำงานในกลไกที่ต่างกัน

สำหรับผลที่ได้นั้นปูเป้จะขอพูดโดยรวมเพราะว่าไลน์นี้ไม่ได้ลองใช้ผลิตภัณฑ์แยกกันเลย ใช้ยกชุดตลอดเวลาที่ทดสอบ ผลที่ได้คือผิวกระจ่างขึ้น และจุดด่างดำก็จางลง สิ่งที่ชอบมากคือเมือทาบำรุงทั้งหมดแล้วรู้สึกสบายผิวกำลังดี ไม่แห้งไป และไม่หนักเหนอะผิว ค่อนข้างจะเหมาะกับสภาพอากาศในบ้านเราทีเดียว สำหรับใครที่ผิวไม่ได้ดำแต่มีปัญหาผิวหมองคล้ำแบบแดง ๆ เหมือนมีสีเลือดอยู่ใต้ผิวมากไป ไลน์นี้น่าจะเห็นผลได้ไวทีเดียวล่ะ

ข้อเสียคือดูจะหาซื้อยากไปหน่อย เพราะถึงแม้จะมีขายในวัตสัน แต่ก็ไมได้มีทุกสาขาอยู่ดี ส่วนใครที่สับสนเรื่องการเรียงลำดับ ขั้นตอนในการใช้เรียงลำดับด้วย Oil – Foam – Lotion – Serum – Emulsion – UV (Day) / Cream (Night) ตามนี้โลด

สำหรับคำถามว่า “จะแพ้มั๊ย” “ใช้แล้วอุดตันรึเปล่า?” เป็นคำตอบที่ปูเป้บอกไม่ได้ครับ อาการแพ้เป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปในทุก ๆ คน สำหรับการอุดตันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวโดยรวมของแต่ละคนเอง นอกจากนี้คนเรายังไวต่อการอุดตันของสารแต่ละตัวไม่เหมือนกันด้วย ดังนั้นก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตาม ควรทดสอบและทดลองใช้ก่อนทุกครั้งครับ

ข้อดี

– สารไวท์เทนนิ่งที่ใช้คาดหวังผลได้และช่วยลดการอักเสบของผิวได้ด้วย
– เนื้อสัมผัสของผลิตภัณฑ์เมื่อใช้ควบคู่กันทั้งหมดอย่างถูกต้อง ให้ความบางเบา ชุ่มชื้น สบายผิว
– โทนผิวดูกระจ่างขึ้นจริง จุดด่างดำและรอยสิวก็จางลง
– ราคาไม่สูง

ข้อเสีย

– มีส่วนผสมของน้ำหอม และน้ำมันหอมระเหย
– อาจจะหาซื้อยากนิดนึง เพราะช่องทางในการจำหน่ายมีค่อนข้างจำกัด
– ไม่เหมาะสำหรับคนที่ไวกับส่วนผสมของแอลกอฮอล์เป็นพิเศษ

***Sponsored Item***

– AQUALABEL : Deep Clear Oil Cleansing
– AQUALABEL : White Clear Foam
– AQUALABEL : Bright White EX
– AQUALABEL : White Up Lotion
– AQUALABEL : White Up Emulsion
– AQUALABEL : Perfect Protect Milk UV SPF50+ PA+++
– AQUALABEL : White Up Cream